Categories
บทความ

10ปัญหายอดฮิต!!พบบ่อยในการตรวจรับคอนโด

อสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดมิเนียม นั้นส่วนใหญ่ของงานก่อสร้างเป็นปัญหาใหญ่ที่เจอเกือบทุกๆโครงการและเป็นปัญหาซ้ำๆ ซึ่งพอจะสรุปได้เป็น 10 ข้อดังนี้

1. เข้าสายไฟ Line – Neutral ของปลั๊กไฟสลับกัน

แนวทางแก้ไข: ถอดปลั๊ก Out Let ออก แล้วสลับการเข้าขั้วสายที่หลังปลั๊กให้ถูกต้อง (ด้านหลังของปลั๊กจะมีรหัสระบุขั้วสายแสดงไว้)

2. ไม่ร้อยท่อสายไฟฟ้า (สายTHW.) ส่วนที่อยู่เหนือฝ้าเพดาน

แนวทางแก้ไข: ถอดขั้วสายไฟออกจากอุปกรณ์แล้วร้อยท่อสายไฟให้เรียบร้อย ถ้าความยาวสายไฟไม่เกิน 1.50 เมตร สามารถร้อยท่ออ่อน (Flex) ได้แต่ความยาวเกิน 1.50 เมตร ให้ร้อยโดยท่อชนิดแข็ง

3. เชื่อมต่อขั้วสายโทรศัพท์ที่ปลั๊ก Out Let ไม่ถูกต้อง

แนวทางแก้ไข: ถอดปลั๊ก Out Let โทรศัพท์ออกแล้วทำการเชื่อมต่อขั้วสายใหม่ให้ถูกต้อง

4. ไม่มีการปิดฝา Junction Box จุดต่อสายไฟฟ้า

แนวทางแก้ไข: เปิดช่อง Service ฝ้าเพดานแล้วปิดฝา  Junction Box จุดต่อสายไฟฟ้าให้เรียบร้อย แต่ถ้าจำนวนสายภายใน Junction มีมากเกินไป จะเกิดความร้อนต้องทำการต่อ junction Box ซ้อนกันเพื่อระบายความร้อน

5.ไม่ทาสีน้ำมันป้องกันน้ำและความชื้นของท้องบานหรือสันบานประตูห้องน้ำ

แนวทางแก้ไข: ทาสีน้ำมันป้องกันน้ำและความชื้นที่บริเวณท้องบานและสันประตูให้เต็ม

6. ขอบพื้นลามิเนตยุบตัว หรือโก่งตัวพื้นไม่ได้ระดับ

แนวทางแก้ไข: รื้อบัวเชิงผนังแล้วรื้อถอดแผ่นพื้นลามิเนต แล้วจึงปรับพื้นคอนกรีตที่รองรับแผ่นพื้นไม้ลามิเนตให้ได้ระดับ แล้วจึงปูแผ่นพื้นลามิเนตกลับเข้าไปใหม่

7. กระเบื้องพื้น – ผนัง ล่อน

ปูยึดกระเบื้องพื้น – ผนังไม่แน่น

แนวทางแก้ไข: – กรณีล่อนกลางแผ่น ต้องรื้อเลาะแผ่นกระเบื้องเพื่อปูกระเบื้องแผ่นใหม่

– กรณีล่อนมุมแผ่นกระเบื้อง ถ้ากระเบื้องปูเว้นร่องห่างให้เลาะยาแนว แล้วฉีดอัดน้ำปูนเข้าใต้                     แผ่นกระเบื้องให้เต็ม

8. ระดับท้องบานประตูห้องพักสูงจากระดับพื้นมากเกินไป

แนวทางแก้ไข: – เปลี่ยนบานประตูใหม่

– ถอดบานประตูออกแล้วทำการต่อท้องบานประตูใหม่

– ใช้แผ่นติดกันแมลงติดใต้ท้องบานประตู

9. มีน้ำขังที่พื้นห้องน้ำ หรือพื้นระเบียงเนื่องจากการปรับระดับลาดเอียงของพื้นไม่ได้มาตรฐาน

แนวทางแก้ไข: รื้อแผ่นกระเบื้องเดิมออก แล้วปูปรับ Slope กรเบื้องเดิมออก แล้วปูปรับ Slope กระเบื้องพื้นใหม่

10. ระบบน้ำดีและน้ำทิ้งรั่วที่สุขภัณฑ์หรือชุดครัว

แนวทางแก้ไข: เชื่อมต่อระบบท่อและสุขภัณฑ์ใหม่ หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ใหม่ หากชุดอุปกรณ์มีการชำรุด

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/10ปัญหายอดฮิต__พบบ่อยในการตรวจรับคอนโด-blog.aspx

Categories
บทความ

4 TIPS ต่อเติมบ้านไม่ให้ทรุด!!

การทรุดตัวของบ้าน ปกติแล้วย่อมมีการทรุดตัวเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจะทรุดเพียงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่และระยะเวลา แต่หากมีการต่อเติมเพิ่มเข้าไปนั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาการทรุดตัวที่เร็วและมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นควรมีการต่อเติมแบบถูกต้อง ระมัดระวังตัวบ้านให้มากที่สุด เพื่อช่วยชะลอการทรุดตัว หรือ แทบไม่ทรุดเลย

1. ต่อเติมโดยแยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน

สำหรับการต่อเติมนั้น Infinity Design ผ้าม่าน แนะนำให้แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน ไม่ใช้ผนังเดียวกัน หรือไปฝากไว้กับตัวบ้านเดิม เพราะหากเกิดการทรุดตัว ในส่วนที่ต่อเติมจะดึงรั้งกับตัวบ้านเดิม ทำให้มีการฉีกขาดนั้นเอง

อีกทั้งในส่วนของรอยต่อ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ฉะนั้นควรมีขั้นตอนการทำที่ถูกวิธี อาทิ ใช้โฟมกั้นระหว่างรอยต่อ ก่อนทำการยาแนวด้วย PU หรือ Silicone เป็นต้น

2. ลงเสาเข็มถึงชั้นดินแข็ง

ในส่วนของการต่อเติมนั้น การลงเสาเข็มถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยลดการทรุดตัวได้ในระดับหนึ่งหรือแทบไม่ทรุดเลย โดยบริเวณใต้ดินหลักๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือชั้นดินอ่อน และชั้นดินแข็ง

ซึ่งการลงเสาเข็ม หากเป็นไปได้แนะนำให้ลงยาวถึงชั้นดินแข็ง เนื่องจากชั้นดินแข็งจะให้ความมั่งคงมากกว่าชั้นดินอ่อนนั้นเอง แต่หากลงยาวไม่ถึงชั้นดินแข็งหรือไม่เท่าเสาเข็มของตัวบ้าน ก็ควรลงเสาเข็มให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือใช้เสาเข็มแบบ Micro Pile ซึ่งสะดวกในการต่อเติมและให้ความแข็งแรง มั่นคง

อีกทั้งการลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา และ มีการวางที่กระจาย โดยให้น้ำหนักเท่าๆ กันทั่วห้อง ก็จะช่วยลดการทรุดหรือเอียงในส่วนที่ต่อเติมได้เช่นกัน

3. ไม่ใช้เสาเข็มร่วมกับตัวบ้าน

สำหรับในข้อนี้จะคล้ายๆ ในส่วนของข้อที่ 1 คือ การต่อเติมควรแยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน รวมไปถึงเสาเข็มด้วยเช่นกัน เพราะหากลงเสาเข็มเพียงด้านเดียว ส่วนอีกด้านนำไปฝากไว้กับตัวบ้าน หรือใช้เสาเข็มร่วมกับตัวบ้าน จะก่อให้เกิดความเสียหากได้ง่าย

เนื่องจากการลงเสาเข็มในส่วนที่ต่อเติม ส่วนใหญ่แล้วจะลงสั้นกว่าเสาเข็มของตัวบ้าน ซึ่งเมื่อเกิดการทรุดจะทำให้ในส่วนของการต่อเติมเอียงและไปดึงรั้งกับตัวบ้าน จนทำให้เกิดการฉีกขาด เสียหายนั้นเอง

4. เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องการต่อเติม

การต่อเติมบ้าน ถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ เพราะเราต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ฉะนั้น การเลือกผู้รับเหมาควรเลือกที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องของการต่อเติม เพื่อให้ได้ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ความสวยงาม และช่วยชะลอการทรุด

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/4_tips_ต่อเติมบ้านไม่ให้ทรุด-blog.aspx

Categories
บทความ

ทำความรู้จัก”กระเบื้อง”แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อ

มาทำความรู้จัก”กระเบื้อง”แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อจะได้ถูกประเภท ถูกใจ สวยงามตามท้องเรื่อง><

1.กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tile)

เป็นกระเบื้องที่มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ หรือจะบอกว่า กระเบื้องเซรามิคก็คือกระเบื้องดินเผา หรือบางคนก็จะเรียกว่ากระเบื้องเคลือบก็ได้ ที่สำคัญกระเบื้องเซรามิกยังมีหลายสี

คุณสมบัติ: จะมีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน พื้นผิวแข็งแต่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ วัสดุประเภทนี้มีให้เลือกหลายหลายขนาด สี และรูปทรง สามารถปูบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นไม้ได้โดยใช้กาวติดกระเบื้องยึด ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ปูพื้นในห้องครัว และห้องน้ำเป็นต้น

ข้อเสียของกระเบื้องเซรามิก : แบบเคลือบเวลาเปียกน้ำมักมีความลื่นและดูดซึมน้ำสูง และถ้าหากรื้อถอนแล้วไม่สามารถนำมาปูใหม่ไม่ได้ แถมยังไม่เหมาะกับพื้นที่ๆต้องรับน้ำหนักเยอะ Tip : ถ้านำมาใช้ในห้องน้ำแนะนำให้เลือกด้าน เวลาโดนน้ำหรือสบู่จะได้ไม่ลื่นป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด

2.กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ (Glazed Porcelain Tile)

กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ ถือว่าเป็นกระเบื้องเคลือบชนืดหนึ่ง มีส่วนประกอบของ ดินขาว ผ่านกระบวนการผสมกับแร่อื่นๆ เช่น หินเขี้ยว หนุมาน ดินดำ ไชน่าสโตน และแร่หินฟันม้า เป็นต้น เมื่อนำไปเผาในอุณหภูมิประมาณ 1300 องศา ก็จะได้เนื้อที่สามารถนำไปขึ้นรูปได้ทั้งกระเบื้องปูพื้น งานเซรามิก อื่นๆได้

คุณสมบัติ: ลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อการขูดขีด และยังมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ เพียง 0.05% หรือไม่มีการดูดซึมน้ำเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับการติดตั้งทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกของอาคารที่ผู้คนเดินผ่านบ่อยๆ อาทิ พื้นห้างสรรพสินค้า พื้นโถงโรงแรม เป็นต้น หรือจะใช้ในการปูผนังก็ได้เช่นกัน

3.กระเบื้อง แกรนิตโต้ (Granito Tile)

แกรนิตโต้ หรือ กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคชนิดหนึ่งที่เป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แข็งแรงเทียบเท่าหินแกรนิต และถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่นๆ

ลักษณะพื้นผิวมันวาว แกรนิโต้เป็นกระเบื้องที่ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดังนั้นเมื่อถูกกระเทาะจะ สังเกตได้ว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในจะเป็นสีเดียวกัน

คุณสมบัติ: แข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำมาก เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติการรับน้ำหนักได้สูงเหมือนกับ กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรทั่วไป

4.กระเบื้องดินเผา (Earthenware Tile)

กระเบื้องดินเผา ถือว่าเป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณจนถึงในปัจจุบัน ใช้ทั้งปูหลังคาและปูพื้นบ้าน ให้ความ Classic และให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ

คุณสมบัติ: กระเบื้องดินเผามีความใกล้เคียงดินมากกว่าหิน ซึ่งอาจแตกหัก ผุกร่อนได้ง่าย และผิวค่อนข้างด้าน แต่ข้อดีคือราคาไม่แพงแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเกรดของกระเบื้องแต่ละแบบด้วย แถมไม่ลื่นถ้าไม่มีตะไคร้น้ำเกาะ ระบายความชื้นแลความร้อนได้ดี ทำให้อมความร้อนไว้ไม่นาน

ข้อเสียของกระเบื้องดินเผา : ดูดซับความชื้นได้ดีเกินไปถ้าช่างปูกระเบื้องไม่ดี ไม่เว้นระยะห่างต่อแผ่นไม่มากพออาจทำให้กระเบื้องบวมและแตกได้ มีความแข็งแรงน้อยมากเมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ทำความสะอาดยากและสกปรกง่ายจึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดเท่าไหร่

5.กระเบื้องโมเสค (Mosaic Tile)

กระเบื้องโมเสค เป็นกระเบื้องขนาดเล็ก ที่ถูกออกแบบมาใช้งานหลายรูปแบบ รวมไปถึงใช้ในงานตกแต่งอีกด้วย บริเวณที่ใช้งานโมเสคมีหลายบริเวณ มีทั้ง ผนังห้องน้ำ ห้องครัว และสระว่ายน้ำเป็นต้น แต่ถ้าติดในครัวหากน้ำมันไปโดนย่อมมีคราบมันอย่าลืม
คุณสมบัติ: เนื้อเป็นแก้วใส ไม่เหมือนพลาสติก มีความแข็งแรง มันวาว ทนทานและสีไม่ตก ทำความสะอาดง่ายเนื้อสีของกระเบื้องสดใส ดูดซึมน้ำต่ำ ไม่นิยมนำมาปูพื้นบ้านเพราะแผ่นเล็กและมีราคาสูงนั้นเอง

ข้อเสียของกระเบื้องแก้ว : ความแข็งแรงทนทานน้อยกระเบื้องทั่วไปอย่างกระเบื้องเซรามิกจึงไม่เหมาะกับการปูพื้นบ้านหรือทางเดินหรือที่ๆต้องรับน้ำหนักเยอะเพราะอาจแตกหักได้ง่าย ที่สำคัญทำความสะอาดยากโดยเฉพาะบริเวณร่องยาแนวที่เยอะทุกตรางนิ้ว

6.กระเบื้องแก้ว (Glass Tile)

กระเบื้องแก้ว จะมีความมันวาว เนื้อโปร่งแสง มีทั้งแบบแผ่นและแบบโมเสคเม็ดเล็ก โดยส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคือกระเบื้องแก้วที่เป็นแบบโมเสค มีลักษณะคล้ายกับกระเบื้องโมเสคแต่เคลือบแก้วทับลวดลายลงไปทำเกิดความมันวาว สีสันสดใส

คุณสมบัติ: กระเบื้องแก้วมีอัตราการดูดซับความชื่นต่ำ เหมาะกับการติดผนัง ช่วยให้พื้นผนังห้องดูสวยงามมากยิ่งขึ้น นิยมใช้ปูในพื้นที่แคบๆ ไม่นิยมปูในพื้นที่กว้างๆ เพราะกระเบื้องชิ้นเล็กปูยากและราคาค่อนข้างสูง

ข้อเสียของกระเบื้องแก้ว : เหมือนกับกระเบื้องโมเสคที่กล่าวมาในข้างต้นเลยที่บอกว่าไม่ควรปูพื้นเนื้องจากรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้น้อย

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/ทำความรู้จัก_กระเบื้อง_แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อ-blog.aspx

Categories
บทความ

4 โทนสี ที่ช่วยให้ “ห้อง” ดูกว้างขึ้น

1. โทนสี Swirling Smoke หรือ สีเทาอ่อน

หากพูดถึงโทนสีเทา เพื่อนๆ หลายคนก็จะมองว่าเป็นโทนสีที่ดูแล้วมืด ไม่สบายตา แต่ทั้งนี้โทนสีเทานั้น ก็มีหลายหลายเฉดสีให้ได้เลือกใช้ หากเลือกเป็นโทนสีที่อ่อนลงอย่างโทนสีเทาอ่อน ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น อีกทั้งยังทำให้ภายในห้องรู้สึกกว้างขึ้นอีกด้วย

2. โทนสี Cloud White หรือ สีขาวครีม

มาต่อกันด้วยโทนสีขาวครีมกันบ้าง ซึ่งเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับโทนสีขาว ฉะนั้นสามารถช่วยให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นได้กันอย่างแน่นอน และด้วยตัวของโทนสีที่ออกเป็นโทนสีครีม จึงทำให้ภายในห้องได้บรรยากาศของความอบอุ่นอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยม นำไปตกแต่ง บริเวณห้องนั่งเล่น และห้องนอน

3. โทนสี Sweet Dreams หรือ สีฟ้า

ถือเป็นอีกหนึ่งโทนสีที่ได้รับความนิยมกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับโทนสีฟ้า ถือเป็นโทนสีที่สื่อถึงความสงบ ปลอดโปร่ง ความเป็นอิสระ และช่วยทำให้เรารู้สึกใจเย็นมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงทำให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย

4. โทนสี Skylight หรือ สีฟ้าอมเทา

มาถึงโทนสีสุดท้ายกันแล้ว Infinity Design ผ้าม่าน แนะนำโทนสีฟ้าอมเทา ถือเป็นอีกหนึ่งโทนสีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ช่วยทำให้ภายในห้องรู้สึกกว้างขึ้น ซึ่งการตกแต่งด้วยโทนสีนี้จะได้ทั้งความสดใสนิดๆ ที่มาพร้อมกับความโมเดิร์นในเวลาเดียว และสามารถนำไปตกแต่งได้อย่างหลากหลายสไตล์

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/4_โทนสี_ที่ช่วยให้__ห้อง__ดูกว้างขึ้น-blog.aspx

Categories
บทความ

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

สำหรับใครที่คิดจะซื้อบ้าน นอกจากจะเลือกบ้านให้ตรงกับงบประมาณและเจียดเงินออกมาสำหรับการตกแต่งภายในแล้วก็อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายไว้สักนิดเพื่อมาเติมแต่งระเบียงบ้านของเราให้สวยงาม เพราะนอกจากสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามาแล้วเห็นระเบียงบ้านทั้งชั้นล่างชั้นบนมีความสวยงามบ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้านได้แล้ว ระเบียงบ้านที่ทำการตกแต่งไว้นี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากคุณคิดที่จะตกแต่งระเบียงบ้านไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ เรามี 3 ไอเดียดีดีในการเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ โดยจะมีไอเดียอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

1. ไอเดียตกแต่งระเบียงบ้านให้สอดคล้องกับพื้นที่

balcony-decorating-ideas-28-573c3b3b31786__700

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

การจะตกแต่งออกแบบพื้นที่ใดๆ ภายในบ้านคุณจำเป็นต้องกำหนดฟังก์ชันหลักๆ ของพื้นที่นั้นๆ ก่อน หากจะตกแต่งระเบียงบ้านก็ต้องมาดูว่าระเบียงบ้านของเราอยู่ตำแหน่งไหนภายในบ้าน พื้นที่ใช้สอยเล็กใหญ่แค่ไหน และวางแผนการตกแต่งให้ระเบียงบ้านนั้นตอบโจทย์คนในบ้านและสอดคล้องกับพื้นที่ที่ตั้งอยู่ อาทิ ถ้าระเบียงอยู่หลังบ้านก็ควรตกแต่งให้เป็นมุมที่หลีกหนีความวุ่นวาย หากระเบียงบ้านพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ภายในบ้านมีลูกเล็กเด็กแดงอยากปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เด็กเล่นก็สามารถตกแต่งเป็นมุมของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือ ระเบียงตั้งอยู่ทางหน้าบ้านเป็นหน้าเป็นตาของบ้านก็สามารถทำบ่อปลา ทำน้ำตก ตกแต่งบ้านให้สวยงามเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนนอกบ้านได้ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องดูให้ดีว่าพื้นที่ของระเบียงบ้านนั้นอยู่ส่วนใดของบ้าน มีพื้นที่กว้างขนาดไหนและปรับให้เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้งาน

2. ไอเดียการเปลี่ยนระเบียงบ้านให้ใช้งานได้หลากหลาย

aafb2f2f94620473b3e697952bc6a9e9

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

ไอเดียการปรับเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เหมาะกับการใช้งานเป็นจุดๆ ไปถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมากแล้ว แต่การผสมผสานปรับเปลี่ยนตกแต่งระเบียงบ้านให้ใช้งานได้หลากหลายก็ถือเป็นไอเดียที่ดีกว่า โดยถึงแม้ระเบียงของคุณจะเล็กมากก็ตาม แต่ก็ยังสามารถตกแต่งให้ระเบียงบ้านรองรับกิจกรรมได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่การผสมผสานไอเดียให้ระเบียงบ้านสามารถตอบโจทย์การใช้งานหลายรูปแบบนั้น เจ้าของบ้านมักจะเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เป็นสวนสวยด้วยผักสวนครัว และวางโต๊ะจิบกาแฟทำเป็นมุมอ่านหนังสือไปด้วย  อีกทั้งยังสามารถปลูกผักกินเอง และสอนลูกหลานให้เรียนรู้ไปกับการเล่นดินเล่นทรายปลูกผักสวนครัวได้ไปในตัวด้วย ซึ่งไอเดียนี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกจากจะตอบโจทย์การใช้งานได้หลายรูปแบบแล้ว ยังช่วยประหยัดงบประมาณการใช้การกินลงไปได้เยอะเลยในยุคที่ข้าวยากหมากแพง

3. ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เป็นฟังก์ชันของพื้นที่ใหม่ภายในบ้าน

maxresdefault

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

ไอเดียนี้อาจจะใช้งบในการตกแต่งระเบียงมากกว่าไอเดียอื่นๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมารับรองว่าคุ้มค่ามากๆ จากไอเดียการปรับเปลี่ยนระเบียงให้กลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่ไม่เคยมีในบ้านมาก่อน หรือ ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของห้องต่างๆ ภายในบ้าน ย้ายออกมาในส่วนนี้ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศและช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ไอเดียการเปลี่ยนระเบียงแบบนี้มักจะเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยของระเบียงให้เป็นห้องครัวเปิด หลายคนอาจจะทำการต่อเติมกันสาดหรือหลังคายื่นออกมา หรือ ทำเป็นครัวแบบ oUTDOOR เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นครัวอเนกประสงค์สามารถทำทั้งครัวหนัก ครัวเบา หรือ จัดปาร์ตี้ BBQ ได้ โดยทั้งนี้หากอยากจะให้พื้นที่ของระเบียงบ้านมีส่วนร่วมกับตัวบ้านก็สามารถยกระดับระเบียงให้สูงขึ้นมาให้เท่าตัวบ้านด้วย Desk ไม้หรือทำโครงสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีส่วนกั้นเป็นบานกระจกใสก็จะช่วยให้พื้นที่ในบ้านกับระเบียงบ้านสามารถเชื่อมต่อกันได้

ไม่น่าเชื่อว่าระเบียงบ้านจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและตกแต่งให้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนในครอบครัวได้หลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่รวมทุกคนในครอบครัวไว้ด้วย โดยทั้งนี้การปรับเปลี่ยนระเบียงด้วยไอเดียต่างๆ เหล่านี้ออกมาให้ตอบโจทย์ก็ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ งบประมาณ และการใช้งานเป็นหลักด้วย

CR : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/2/168834/3-ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้

Categories
บทความ

3 เทคนิค ตกแต่งห้องนอนลูกด้วยงบจำกัด

อย่างที่ทราบกันดีว่า “ห้องนอน” ถือเป็นอีกห้องที่สำคัญอันดับต้นๆ ของบ้านที่ควรใส่ใจทั้งในเรื่องของการเลือกตำแหน่งที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการตกแต่งให้สวยงามเหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ห้องนอนของคนที่โตแล้วเท่านั้นที่ควรใส่ใจ ยิ่งเป็นห้องนอนเด็กยิ่งควรตรวจตราให้ละเอียดอย่างยิ่ง 

การตกแต่งห้องนอนของเด็กต้องทำให้เขารู้สึกปลอดภัย สะดวกสบาย และมีความสุขเมื่อได้เข้าไปอยู่ในห้อง เตียงนอนในห้องก็ควรจะเป็นดั่งสวรรค์ของพวกเขา เหมือนกับเตียงในห้องนอนของคุณ เตียงของเขาควรจะเป็นที่ให้เขาผ่อนคลาย เป็นตัวของพวกเขาเองได้อย่างเต็มที่ และหลับได้อย่างสบายไร้กังวล ดังนั้นการตกแต่งห้องนอนเด็กที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เขาหรือลูกน้อยของคุณมีห้องนอนที่วิเศษที่สุด

เลือกสีที่เหมาะสมกับห้องนอนเด็ก 

การเลือกสีต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการตกแต่งห้องนอนลูก แม้ว่าคุณอยากจะตกแต่งห้องนอนลูกให้มีสีสันสดใสสำหรับลูกผู้น่ารักและร่าเริง แต่คุณควรเลี่ยงการใช้สีที่สว่างหรือแสบตามากเกินไป เช่น สีนีออนต่างๆ เพราะหากสีสันสว่างตามากๆ จะรบกวนการนอนของลูกคุณได้

แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าลูกน้อยของคุณชอบสีเขียวมะนาว แล้วห้องนอนของเขาจะมีสีเขียวมะนาวไม่ได้เลย คุณสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งห้องบางชิ้นที่เป็นชิ้นเล็กๆ ที่เป็นสีเขียวมะนาวได้ เช่น หมอน หูลิ้นชักโต๊ะ หรือส่วนหนึ่งของเตียงหรือม่าน

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกใช้สีไหนกับสีไหนให้ดูเข้ากันดี ลองมองหาไอเดียแต่งบ้านเก๋ๆ จากนิตยสารแต่งบ้าน ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ หรือจะลองใช้สีเบสิกดูก็ได้ สีที่ดีที่สุดในการตกแต่งห้องนอนลูก คือ เหลือง ฟ้า เขียว ชมพู สีโทนธรรมชาติและพาสเทล สีที่ควรเลี่ยง คือ ดำ เทา สีนีออนต่างๆ และสีส้มจัด

หาที่เก็บของมาไว้ในห้องนอนเด็ก
แม้ว่าตัวต่อเลโก้หรือตุ๊กตาบาร์บี้ รวมถึงชิ้นส่วนของเล่นต่างๆ จะเป็นของเล่นที่ช่วยพัฒนาทักษะและจินตนาการของลูกน้อยได้อย่างเฉลียวฉลาด แต่ของเล่นเหล่านี้มักมาในรูปแบบชิ้นเล็กๆ เกลื่อนไปหมด ทำให้ยากต่อการจัดการ แต่อันที่จริงแล้วที่เก็บของเล่น เครื่องประดับผม อุปกรณ์วาดรูป อุปกรณ์กีฬา และของต่างๆ ของลูกนั้นทั้งราคาถูก และง่ายดายในการหาเสียจนน่าตกใจ แล้วคุณยังสามารถนำมาช่วยตกแต่งห้องนอนลูกให้น่ารักและมีสไตล์ได้มากขึ้นอีกด้วย เริ่มแรก

• แยกของเล่นและชิ้นส่วนต่างๆ ให้เป็นสัดส่วน เช่น ตัวต่อ อุปกรณ์วาดรูป และบล็อกต่างๆ
• ทิ้งของเล่นที่มีชิ้นส่วนที่แตกหรือใช้การไม่ได้เมื่อมีบางส่วนหายไป
• บริจาคบางสิ่งที่ไม่ใช้แล้ว (แต่คุณภาพยังดี และใช้การได้ปกติ)

Horizontal view of mess in kids room

หลังจากที่แยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลองมองหากล่องใส่ของ หรือถังใส่ของที่มีหลายๆ สีตามแผนกของตกแต่งบ้านในห้างสรรพสินค้ามาใส่ของพวกนี้ตามแต่ละประเภท คุณยังสามารถใช้ถาดไม้ราคาไม่แพงมาก (ที่ทาสีสวยๆ ไว้แล้ว) ตะกร้าเสื้อผ้า ตะกร้าหวาย กล่องที่มีลายสวยๆ หรือกระเป๋าใส่ของนุ่มๆ มาใส่ของเล่นของลูกก็ได้

เมื่อรวมเอาสิ่งที่ใช้ใส่ของเล่นของลูกทั้งหมดเข้าไปในห้องนอนลูก ลองจัดวางให้มองเห็นง่ายและหยิบจับง่ายเข้าไว้ กล่องหรือบรรจุภัณฑ์ชิ้นไหนที่มีขนาดใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีฝาปิด และทุกอย่างควรหยิบเข้าหยิบออกได้ง่าย ยิ่งจัดวางไว้ให้เขาหยิบหรือเก็บของได้ง่ายมากขึ้นเท่าไร เขาก็จะมีนิสัยเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

เลือกเครื่องนอนและสิ่งของบนเตียงอย่างชาญฉลาด
ลูกของคุณคงจะร้องขอให้ห้องนอนทั้งห้องของเขาเต็มไปด้วยลายการ์ตูนต่างๆ แต่คุณต้องระมัดระวังไม่ใช้จ่ายในส่วนนี้มากจนเกินไป แทนที่จะติดวอลเปเปอร์บนผนังห้องที่ราคาแพงมากในห้องนอนของเขา ลองเปลี่ยนมาเป็นผ้าม่าน ชุดเครื่องนอน หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดเท้าปลายเตียงให้เป็นลายการ์ตูนที่เขาชื่นชอบแทน ปล่อยให้เขาเลือกชุดเครื่องนอน ผ้าม่าน หรือโปสเตอร์ที่เขาชอบด้วยตัวของเขาเอง แล้วคุณก็เลือกอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ตามสีของลายการ์ตูนนั้นได้เลย วิธีนี้จะทำให้คุณตกแต่งห้องนอนลูกได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังสามารถตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย 

ทั้งนี้สามารถดูไอเดียเพิ่มเติมในการแต่งห้องนอนที่น่าสนใจและช่วยประหยัดงบได้ในบทความเหล่านี้
ไอเดียแต่งห้องให้ลูกน้อย สวยและปลอดภัย 
3 ไอเดียตกแต่งห้องนอนสวยๆ 
แต่งห้องนอนแบบพอเพียง DIY ชั้นและเตียง แบบประหยัด 
5 ไอเดียแต่งห้องนอนเล็กๆ แบบประหยัด ด้วยงบหลักหมื่น 

12621259 - kids bedroom with green walls and purple bed and may toys.

CR : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/2/168867/3-เทคนิค-ตกแต่งห้องนอนลู
Categories
บทความ

ไอเดีย DIY กล่องเก็บของเอาไว้ใช้เก็บของจุกจิกในบ้าน

เมื่อใกล้จะถึงวันพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่ วันเกิด วันหยุด หรือกระทั่งวันวาเลนไทน์ สิ่งที่มาคู่กันกับวันพิเศษเหล่านี้ก็คือของขวัญดีดีสักชิ้นที่ใช้สื่อความหมายที่ดีให้แก่กัน โดยวันนี้ DDproperty ก็ได้นำไอเดียการทำกล่องเก็บของน่ารักๆ ด้วยตนเองมาฝาก ซึ่งของชิ้นนี้นอกจากจะสามารถเก็บของได้แล้วยังสามารถใช้มอบให้กับคนพิเศษได้ทุกวัน อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณในการซื้อของมาตกแต่งบ้านด้วย ทั้งนี้กล่องเก็บของสุดพิเศษนี้จะมีขั้นตอนในการทำอย่างไรนั้น ตามไปดูกันเลย

วางแผนก่อนลงมือทำกล่องเก็บของ

2 box diy

ไอเดีย DIY กล่องเก็บของเอาไว้ใช้เก็บของจุกจิกในบ้าน

ขั้นตอนแรกที่ควรทำคือการวางแผน การวางแผนในการ  DIY กล่องเก็บของนี้จะสามารถจำกัดงบประมาณก่อนลงมือทำได้เป็นอย่างดี โดยไอเดียง่ายๆ ในการออกแบบกล่องเก็บของที่อยากจะแนะนำในวันนี้ก็คือการดีไซน์กล่องเก็บของให้เป็นรูปหน้าสัตว์ต่างๆ ซึ่งเป็นไอเดียที่ง่ายและดีไซน์ได้หลายรูปแบบ รวมไปถึงวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ก็มีราคาไม่แพงมากหรือนำของที่มีอยู่ในบ้านอยู่แล้วมาทำกล่องเก็บของชิ้นนี้ได้ ทั้งนี้นอกจากจะทำไว้ใช้งานเองหรือมอบให้คนพิเศษ กิจกรรมการ DIY ของใช้ในบ้านอย่างกล่องเก็บของยังสามารถชวนครอบครัวมาร่วมแชร์ไอเดีย วางแผน และประดิษฐ์ประดอยกล่องไปพร้อมๆ กันได้ด้วย ดังนั้นการวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้อง เพราะจะช่วยให้กล่องเก็บของที่ทำด้วยตัวเองนั้นมีความสวยงามตามแบบฉบับของเราเองและยังช่วยจำกัดงบประมาณของวัสดุต่างๆ ได้ด้วย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการทำกล่องเก็บของ

3 box diy

ไอเดีย DIY กล่องเก็บของเอาไว้ใช้เก็บของจุกจิกในบ้าน

ขั้นตอนที่ 2 คือขั้นตอนในการเตรียมอุปกรณ์ โดยอุปกรณ์หลักๆ ที่ต้องเตรียมก็คือลังกระดาษแข็ง อาจจะใช้ลังเก็บของเก่า ลังเบียร์ ลังน้ำมาประกอบก็ได้ หากใครต้องการกล่องเก็บของที่มีความแน่นหนาหน่อยก็สามารถเลือกใช้กล่องพลาสติก กล่องเหล็ก ตะกร้า ลวดลายเดิมๆ ที่มีอยู่ในบ้านมาสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ได้เหมือนกัน ส่วนอุปกรณ์ส่วนที่สองก็จะเป็นวัสดุในการตกแต่งลวดลายของกล่องเก็บของ โดยถ้าหากต้องการความสวยงามมาก ก็สามารถใช้กระดาษสีมาตกแต่งเพื่อให้เกิดความสวยงามได้ง่าย หรือ ถ้าหากอยากได้กล่องเก็บของที่มี่ความทนทานในการใช้งานก็สามารถปรับเปลี่ยนวัสดุต่างๆ รอบตัวมาทำได้ ไม่ผ้าจะเป็นเชือก ผ้าขนหนูเก่า กระดุม ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ทั้งกล่องเก็บของเก่าหรือลังกระดาษแข็งและของตกแต่งพวกกระดาษสีที่ใช้งานในการประดิษฐ์กล่องเก็บของเป็นหลักแล้วก็อย่าลืมเตรียม กรรไกร กาว เพื่อช่วยประกอบชิ้นงานให้ออกมาสมบูรณ์ด้วย ยิ่งถ้าหากใครที่มีปืนกาวก็จะทำให้สะดวกยิ่งขึ้นในการ DIY งานต่างๆ

ลงมือทำกล่องเก็บของด้วยตนเอง

4 box diy

ไอเดีย DIY กล่องเก็บของเอาไว้ใช้เก็บของจุกจิกในบ้าน

ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการเริ่มต้นประดิษฐ์กล่องเก็บของลวดลายน่ารัก โดยขั้นตอนที่หนึ่งคือการนำลังกระดาษหรือกล่องเก็บของเก่ามาทำความสะอาด และตัดส่วนเกินของกล่องเก็บของออก อาทิ ความสูงของกล่องที่มากเกินไป ฝากล่องทั้งสี่ด้านที่ยื่นออกมา เป็นต้น จากนั้นเมื่อได้กล่องเก็บของรูปทรงที่ต้องการก็มาถึงขั้นตอนที่ 2 คือการทากาวให้ทั่วรอบกล่องเพื่อติดกระดาษรองพื้นสีขาวซึ่งเป็นพื้นฐานในการประดิษฐ์งาน DIY เกือบทุกชิ้น จากนั้นเมื่อกาวแห้งหลังจากติดรองพื้นสีขาวเสร็จก็มาถึงการเริ่มตกแต่งกระดาษ โดยวิธีง่ายๆ ที่เราจะแนะนำก็คือปริ้นกระดาษสีรูปสัตว์ หรือ รวดลายต่างๆ ออกมาในสเกลที่เท่ากับทุกด้านของกล่องเก็บของและทำการตัดแปะลงไป หรือ ใครมีไอเดียที่ดีกว่านั้นก็สามารถนำสิ่งของรอบตัวที่ทนทานกว่ากระดาษมาทำได้ เมื่อทำเสร็จก็จะได้กล่องเก็บของในแบบที่คุณต้องการ ซึ่งทั้งนี้ควรเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ของกล่องเก็บของและวัสดุให้สอดคล้องกับการใช้งาน และตกแต่งให้เหมาะสมกับผู้รับด้วย

5 box diy

ไอเดีย DIY กล่องเก็บของเอาไว้ใช้เก็บของจุกจิกในบ้าน

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการ DIY กล่องเก็บของเพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ยิ่งใครที่มีครอบครัวก็สามารถเอาการประดิษฐ์กล่องเก็บของนี้ไปเป็นกิจกรรมยามว่างสานสัมพันธไมตรีกับเด็กๆ ภายในบ้านได้ ส่วนใครที่ยังไม่มีครอบครัวก็เก็บเอาไอเดียนี้ไปมอบให้กับคนที่คุณรัก และเริ่มสร้างครอบครัวไปด้วยกันกับ DDproperty ที่มีบ้าน คอนโด หลากหลายราคาให้คนที่กำลังสร้างครอบครัวได้เข้าไปเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตอีกด้วย

CR : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/2/168851/ไอเดีย-diy-กล่องเก็บของเอา

Categories
บทความ

ไอเดียรีโนเวทบ้านสไตล์ Loft สำหรับคู่รัก ตามแบบฉบับบ้านงามวงศ์วาน 44

โต๊ะในห้องรับแขกนั้น เป็นเฟอร์นิเจอร์สำคัญ ที่ทำให้ห้องรับแขกนั้นดูดีมีไสตล์ และสร้างความน่าสนใจให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับบทความนี้ จะนำเสนอแนวทางการแต่งตะรับแขกให้ดูน่าสนใจมากขึ้น ด้วยทริกง่ายๆ ที่สามารถทำได้เองกันครับ โดยมีไอเดียในการแต่ง ดังต่อไปนี้

จุดเริ่มต้นของการปรับปรุงบ้านก็คงไม่ต่างจากบ้านของใครหลายคน สำหรับบ้านของคุณสิทธิเดช จีระพันธุ และคุณนิชา พงศ์สภาพร ทั้งคู่มีความตั้งใจอยากทำส่วนหนึ่งของบ้านให้เป็นพื้นที่ของทั้งสอง 

ด้วยตัวบ้านเดิมถูกนำมาปรับเปลี่ยนในบางส่วนให้เข้ากับการใช้งานของทั้งคู่ เพื่อรองรับชีวิตคู่ของทั้งสองคน ด้วยส่วนตัวทั้งสองทำงานประจำและอยากได้พื้นที่สำหรับพักผ่อนและเริ่มต้นคู่ชีวิต

โดยได้สถาปนิกจาก Fatt studio มาช่วยในการออกแบบ ด้วยส่วนตัวทั้งสองชอบบ้านสไตล์ Loft ชอบโทนสีขาว สีเทา แทรกสีไม้ในบางจุด และโจทย์หนึ่งที่ทั้งสองให้กับทางสถาปนิกคือ พื้นต้องไม่เข้ม เนื่องจากทั้งคู่ชอบพื้นไม้สีอ่อน แต่เนื่องจากวัสดุเดิมดีอยู่เเล้ว ทางสถาปนิกจึงเสนอให้ขัดพื้นให้อ่อนลง ซึ่งข้อดีคือประหยัดและตอบโจทย์ของทั้งสอง

44_04
44_11

พื้นที่ส่วนนี้เดิมทีเป็นห้องของน้องสาว ด้วยตัวพื้นที่เดิมมีฝ้าสูงและมีส่วนของชั้นลอย “จริงๆ แล้วไม่อยากเก็บพื้นที่ชั้นลอยไว้ แต่ที่ต้องเก็บเพราะเรื่องการดูแลรักษา” เนื่องจากพื้นถึงฝ้าด้านบนชั้นลอยเป็นที่ซ่อนของสายไฟ ช่องแอร์ เเละเพื่อความสวยงามการมีชั้นลอยจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีกว่าการทุบชั้นลอยทิ้ง

ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ทั้งคู่ช่วยกันเลือกเองใหม่หมด ค่อยๆ เติมทีละชิ้นในห้อง เมื่อเจอสิ่งที่ทั้งสองชอบ การปรับปรุงห้องนี้ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนประมาณ 1 ปี โดยได้ผู้รับเหมาเจ้าเดิมที่เคยสร้างบ้านนี้ไว้มารีโนเวททำให้งานระบบเป็นเรื่องง่าย เพราะผู้รับเหมารู้จุด ถึงแม้เดิมจะไม่มีแบบงานระบบก็ตาม

44_14

ในบริเวณห้องนั่งเล่นถูกออกแบบให้เน้นโทนสีขาวเป็นหลัก มีลูกเล่นอยู่ที่ผนังอิฐสไตล์ Loft บวกกับสแกนดิเนเวีย และมีบันไดวนเป็นส่วนเชื่อมต่อกับตัวชั้นลอย ภายในห้องนั่งเล่นถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์คุมโทน มีของตกแต่งเป็นงานลายแพทเทิร์นจาก แบรนด์ Marimekko งานจากเจ้าแม่ Polka dot อย่าง Yayai Kusama และงานศิลปะจากศิลปินคนอื่นอื่นๆ ที่ทั้งสองชอบ อีกสิ่งหนึ่งเลยที่ทั้งคู่บอกว่าขาดไม่ได้สำหรับห้องนั่งเล่นคือโทรทัศน์ที่ทั้งคู่ชื่นชอบกันมาก จริงๆ พื้นที่ส่วนนี้เป็นมากกว่าห้องนั่งเล่น เป็นสเปชที่กึ่งห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน โดยรอบยังทำให้ดูโปร่งโล่งด้วยทำกระจกใสโดยรอบ และใช้ม่านขาวช่วยบังแดด

44_16

ภายในห้องนอนถูกออกแบบโดยอิงจากแปลนเดิมของตัวบ้าน เก็บบานกระจกใหญ่ที่ใช้สำหรับชมวิวไว้ และเฟอร์นิเจอร์โทนสีจะคนละโทนกับด้านนอก โดยในส่วนห้องนอนจะมีความมืดกว่า ยังคงเน้นโทนสีขาว แต่มีสอดแทรกโทนสีเทา ในส่วนของ Walk-In-Closet เป็นเหมือนพื้นที่โชว์และตกแต่งห้องไปในตัว

44_28

บริเวณห้องน้ำอิงจากแปลนเดิมและเก็บวัสดุเดิมบางส่วนไว้มาใช้ อาทิ กระจก ส่วนอื่นๆ ในห้องน้ำอิงโทนสีให้เข้ากับตัวห้องนอน

44_32
44_39

ส่วนบริเวณชั้นลอยทำเป็นพื้นที่เก็บงานศิลปะ ซึ่งทั้งคู่ก็ยังคิดอยู่ว่าในอนาคตจะปรับเปลี่ยนเป็นอะไร จึงทำบริเวณชั้นลอยให้เป็นพื้นที่โล่ง

44_47

Living space 183
Text: ณิชา เตชะนิรัติศัย
Photo: เปี่ยมพล จันทร์เปี่ยม

44_42
44_50

Content Copyrighted to DDproperty by Daybeds Magazine 

โชว์ของสะสมสุดรัก หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่รักการสะสมของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกของเล่น โมเดล หรืออะไรก็ตาม ที่พอจะตั้งโชว์ในบนโต๊ะในห้องรับแขกได้ รีบเตรียมมาตั้งโชว์ได้เลย เพราะของสะสมของจากจะช่วยทำให้ห้องรับแขกดูมีสไตล์มากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้แขกที่มาเยือนนั้นเกิดความประทับใจได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการเลือกของสะสมสำหรับประดับโต๊ะรับแขก ควรเลือกให้เข้ากับสไตล์ของห้องด้วย เช่น แต่งห้องรับแขกสไตล์วินเทจ ก็อาจจะเลือกของสะสมแนวๆ วินเทจมาตั้งว์ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องได้มาก

เน้นโชว์ผ้าปูตะสุดหวาน การใช้ผ้าปูโต๊ะที่มีสไตล์หวานๆ เพื่อขับเน้นความน่าสนใจของโต๊ะในห้องรับแขก อาจเลือกใช้ผ้าปูสำเร็จรูป หรือเลือกใช้ผ้าปูแบบถักเอง สไตล์โครเชต์แทนก็ดูเก่ไม่ใช่เล่น แต่ที่สำคัญควรเลือกแบบที่มันทำความสะอาดง่ายหน่อยนะครับ

เน้นตะเกียง เพื่อเพิ่มความสวยงาม และความน่าในใจให้กับโต๊ะรับแขก โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ที่ตะเกียงจะช่วยขับเน้นบรรยากาศที่น่าดึงดูดให้กับห้องรับแขกได้ดีอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นมันยังเป็นตัวช่วยที่เพิ่มมิติให้กับห้องได้อย่างดีเลยทีเดียว

ลองใช้โต๊ะคู่ดูบ้าง หากโต๊ะเดี่ยวมีพื้นที่น้อยเกินไป และไม่ค่อยดึงดูด อาจจะลองเปลี่ยนเป็นชุดโต๊ะคู่ ที่จะนอกจากจะเป็นตัวช่วยในการสร้างบรรยากาศที่ Relax ระหว่างการพบปะกันของเจ้าของบ้านกับแขกแล้ว มันยังเป็นตัวช่วยในการเพิ่มพื้นที่สำหรับวางแก้วน้ำ ของว่าง ตลอดจนอาหาร และเครื่องตกแต่งประเภทแจกันดอกไม้ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการแต่งห้องที่สามารถใช้ประโยชน์ไปด้วยในตัว

วางแจกันดอกไม้ เพิ่มบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับห้องรับแขก ด้วยการวางแจกันดอกไม้ บนโต๊ะรับแขก ซึ่งดอกไม้นั้นแนะนำเป็นดอกไม้ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้อง เช่นดอกไม้ที่มีสีฉุดฉาด และมีกลิ่นหอม เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีในห้องรับแขกแล้ว ยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลาย และสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาเยือนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

จัดเรียงหนังสือที่น่าสนใจ 4-5 เล่ม ไว้บนโต๊ะรับแขก ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว โดยหนังสือนั้นนอกจากจะช่วยทำให้โต๊ะดูไม่โล่ง ไม่จืดจนเกินไปแล้ว ยังสามารถให้แขกหยิบมาอ่านเพื่อฆ่าเวลาได้อีกด้วย นับเป้นของแต่งโต๊ะรับแขกที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอ่าน

CR : ttps://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/3/170455/the-renovation-of-nw-44-บ้านงามวงศ์วาน-44

Categories
บทความ

6 ไอเดีย แต่งโต๊ะรับแขกให้ดูน่าสนใจ

โต๊ะในห้องรับแขกนั้น เป็นเฟอร์นิเจอร์สำคัญ ที่ทำให้ห้องรับแขกนั้นดูดีมีไสตล์ และสร้างความน่าสนใจให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี ซึ่งสำหรับบทความนี้ จะนำเสนอแนวทางการแต่งตะรับแขกให้ดูน่าสนใจมากขึ้น ด้วยทริกง่ายๆ ที่สามารถทำได้เองกันครับ โดยมีไอเดียในการแต่ง ดังต่อไปนี้

โชว์ของสะสมสุดรัก หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่รักการสะสมของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกของเล่น โมเดล หรืออะไรก็ตาม ที่พอจะตั้งโชว์ในบนโต๊ะในห้องรับแขกได้ รีบเตรียมมาตั้งโชว์ได้เลย เพราะของสะสมของจากจะช่วยทำให้ห้องรับแขกดูมีสไตล์มากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้แขกที่มาเยือนนั้นเกิดความประทับใจได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการเลือกของสะสมสำหรับประดับโต๊ะรับแขก ควรเลือกให้เข้ากับสไตล์ของห้องด้วย เช่น แต่งห้องรับแขกสไตล์วินเทจ ก็อาจจะเลือกของสะสมแนวๆ วินเทจมาตั้งว์ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องได้มาก

เน้นโชว์ผ้าปูตะสุดหวาน การใช้ผ้าปูโต๊ะที่มีสไตล์หวานๆ เพื่อขับเน้นความน่าสนใจของโต๊ะในห้องรับแขก อาจเลือกใช้ผ้าปูสำเร็จรูป หรือเลือกใช้ผ้าปูแบบถักเอง สไตล์โครเชต์แทนก็ดูเก่ไม่ใช่เล่น แต่ที่สำคัญควรเลือกแบบที่มันทำความสะอาดง่ายหน่อยนะครับ

เน้นตะเกียง เพื่อเพิ่มความสวยงาม และความน่าในใจให้กับโต๊ะรับแขก โดยเฉพาะในยามค่ำคืน ที่ตะเกียงจะช่วยขับเน้นบรรยากาศที่น่าดึงดูดให้กับห้องรับแขกได้ดีอย่างหนึ่งด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นมันยังเป็นตัวช่วยที่เพิ่มมิติให้กับห้องได้อย่างดีเลยทีเดียว

ลองใช้โต๊ะคู่ดูบ้าง หากโต๊ะเดี่ยวมีพื้นที่น้อยเกินไป และไม่ค่อยดึงดูด อาจจะลองเปลี่ยนเป็นชุดโต๊ะคู่ ที่จะนอกจากจะเป็นตัวช่วยในการสร้างบรรยากาศที่ Relax ระหว่างการพบปะกันของเจ้าของบ้านกับแขกแล้ว มันยังเป็นตัวช่วยในการเพิ่มพื้นที่สำหรับวางแก้วน้ำ ของว่าง ตลอดจนอาหาร และเครื่องตกแต่งประเภทแจกันดอกไม้ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการแต่งห้องที่สามารถใช้ประโยชน์ไปด้วยในตัว

วางแจกันดอกไม้ เพิ่มบรรยากาศที่ผ่อนคลายให้กับห้องรับแขก ด้วยการวางแจกันดอกไม้ บนโต๊ะรับแขก ซึ่งดอกไม้นั้นแนะนำเป็นดอกไม้ที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้อง เช่นดอกไม้ที่มีสีฉุดฉาด และมีกลิ่นหอม เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศที่ดีในห้องรับแขกแล้ว ยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกผ่อนคลาย และสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาเยือนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

จัดเรียงหนังสือที่น่าสนใจ 4-5 เล่ม ไว้บนโต๊ะรับแขก ก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว โดยหนังสือนั้นนอกจากจะช่วยทำให้โต๊ะดูไม่โล่ง ไม่จืดจนเกินไปแล้ว ยังสามารถให้แขกหยิบมาอ่านเพื่อฆ่าเวลาได้อีกด้วย นับเป้นของแต่งโต๊ะรับแขกที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการอ่าน

CR : https://www.ideaathome.com/ ตกแต่งภายใน/6-ไอเดีย-แต่งโต๊ะรับแขกให้ดูน่าสนใจ

Categories
บทความ

5 ไอเดียแต่งบ้าน แต่งห้อง สไตล์คน ECO สูง

เมื่อพูดถึงเรื่องของ “Eco” ในยุคนี้ แน่นอนว่าเข้ามามีบทบาทกับการใช้ชีวิตของเราพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น Eco car, Eco Packaging, Eco Material รวมถึงการสร้างสรรค์งานด้านแฟชั่น การออกแบบต่างๆ เป็น Eco Design ซึ่งสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ทำให้เกิดเป็นเทรนด์ และมีส่วนในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ให้มีความ Eco ขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการหันมาปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์, การเลือกใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก รวมไปถึงการปรับรูปแบบของที่พักอาศัยก็สามารถช่วยรักษ์โลกได้ 

พลัสฯ มี 5 ไอเดียแต่งห้อง แต่งบ้านในแบบฉบับ Modern Natural Style ซึ่งเป็นสไตล์การตกแต่งที่ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อย แต่งง่ายได้ด้วยตัวเอง เป็นดีไซน์ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่รักธรรมชาติมาฝากครับ

ไอเดียแต่งบ้าน แต่งห้องคอนโดสวยๆ เริ่มด้วยจัดมุมส่วนตัวเล็กๆ

1. มุม Private เล็กๆ สำหรับคน Eco สูง

เพิ่มพลังการพักผ่อนในช่วงวันหยุดของคุณได้ด้วยการปรับแต่งมุมธรรมดาเล็กๆ ให้เป็นมุม Eco Private เก๋ๆ ลองหาต้นไม้ที่ปลูกภายในร่มได้หรือแจกันดอกไม้ เช่น ดอกเยอบีร่า หรือ ต้นเศรษฐีเรือนใน วางใกล้ๆ เก้าอี้ตัวเก่งของคุณพร้อมหนังสือเล่มโปรดซักเล่ม เพียงเท่านี้ก็ได้มุมสงบสำหรับกิจกรรมพักผ่อนยามว่างแล้ว

แต่งห้องคอนโดขนาดเล็กด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์น้อย แบบมินิมอล

2. ใช้เฟอร์ฯน้อยคงความ Modern Natural Style ด้วยเตียงนอนแบบ Floor Bed

ไอเดียแต่งห้องโดยการเลือกใช้เตียงนอนแบบ Floor Bed หรือเตียงนอนติดพื้น เป็นไอเดียการตกแต่งที่นอกจากจะผสมผสานสไตล์ญี่ปุ่นแล้วยังดูมีความมินิมอล ”น้อยแต่มากและเรียบแต่โก้สุดๆ” เหมาะกับการแต่งบ้านหรือห้องคอนโดขนาดเล็ก เพราะดีไซน์น้อยไม่ต้องใช้เตียง แค่มีฟูกเตียงนอน ผ้าห่มนวมอุ่นๆ หมอนหนุนและหมอนข้างคู่ใจแค่นี้ก็น้อยแต่มากได้แล้ว แถมไม่ต้องกลัวนอนตกเตียงด้วยนะครับ

ใช้สีโกโก้ หรือสีโทนเย็น อีกหนึ่งไอเดียแต่งบ้าน แต่งห้อง สไตล์ Eco

3. โทนสีแบบโก้โก้ Eco ให้สุด

อีกหนึ่งไอเดียแต่งห้องที่ขาดไม่ได้คือ การเลือก Mood & Tone ของเฟอร์นิเจอร์ สีผนัง รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ในการตกแต่งห้องซึ่งมีอยู่หลายเทคนิคแล้วแต่ความชอบ แต่ถ้าอยากแต่งห้องให้เป็นสไตล์ Eco แล้ว ควรเลือกใช้เป็นสีโทนเย็นหรือสีโทนสว่างไม่ทึบ เช่น สีขาว สีฟ้า สีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน เป็นต้น สีเหล่านี้จะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลาย เย็นสบาย รวมไปถึงการเลือกใช้สีโทนสว่างจะทำให้ห้องของคุณดูสว่างขึ้น และช่วยสะท้อนแสงจากธรรมชาติในช่วงกลางวันเป็นการประหยัดไฟไปในตัวด้วย

แต่งห้อง แต่งบ้านให้ดูอบอุ่น ด้วยวัสดุธรรมชาติ

4. เลือก Material ฟินๆ แต่งห้องให้อินไปกับธรรมชาติ

การเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติแต่งห้องนั้นนอกจากจะเป็นมิตรต่อผู้อยู่อาศัยแล้วยังเป็นการสร้างบรรยากาศให้มีกลิ่นไอของธรรมชาติมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น พื้นผิวสัมผัส ลวดลายของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ตะกร้าหวายสาน แจกันหินอ่อน หรือจะเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของโซฟาผ้าฝ้ายจากเส้นใยธรรมชาติก็ตาม วัสดุจากธรรมชาติเหล่านี้จะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกอบอุ่น แถมเฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติบางชนิดยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้ภายในห้องหรือบ้านของคุณเย็นสบายมากขึ้นด้วย

พื้นที่สีเขียวต้องมี หากจะแต่งห้องสไตล์ Eco

5.เพิ่ม Green space ด้วยสวนหย่อมเล็กๆ หลังห้อง

สำหรับคน Ecoสูง รักธรรมชาติแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้เลย คือต้นไม้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้แบบ Indoor หรือOutdoor ที่สำคัญที่สุดคือแสงต้องเข้าถึงต้นไม้เหล่านั้น ซึ่งก็มีต้นไม้อยู่หลากหลายชนิดที่สามารถปลูกห่างจากแสงแดดและนิยมนำมาปลูกในที่พักได้ แถมบางชนิดยังช่วยฟอกอากาศได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าต้นไม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในช่วงกลางคืน ดังนั้นการเลือกปลูกต้นไม้ไว้ใกล้ๆ เตียงนอนหรือภายในห้องนอนนั้นอาจต้องเลือกพันธุ์ไม้สักนิด ลองหามุมเล็กๆ จัดเป็นสวนหย่อมจิ๋วหลังห้องก็ชิคได้เหมือนกันครับ

CR : https://www.plus.co.th/articles/PLUS-2372/ ไลฟ์สไตล์-5-ไอเดียแต่งบ้าน-แต่งห้อง-สไตล์คน-eco-สูง–2372?