Author: admin
10 ไอเดียเก๋แต่งห้องนอนเล็ก ให้ดูกว้างขึ้น
ห้องนอนของคนสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนในบ้านหรือคอนโดมิเนียม ต่างมีพื้นที่น้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ซึ่งราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การอยู่ในบ้านหรือห้องที่คับแคบ ย่อมทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ทราบหรือไม่ว่าการตกแต่งห้องนอนด้วยการใช้สีสัน หรือปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบางอย่าง สามารถทำให้พื้นที่ใช้สอยในห้องนอนของเราแลดูกว้างขวางขึ้น ไม่แคบอึดอัด ทำให้เรานอนหลับได้อย่างมีความสุข ซึ่งจะทำได้อย่างไรนั้นไปดูกัน
1. ผนังสีสว่าง ทำให้ห้องกว้างขึ้น
หากห้องนอนของคุณมีพื้นที่คับแคบ สีผนังและสีเพดานควรใช้สีโทนสว่าง สีพาสเทล หรือโทนอ่อน เช่น สีขาว สีฟ้าอ่อน สีครีมอ่อน จะช่วยให้ห้องนอนดูสว่างและกว้างกว่าเดิม
2. เลือกเตียงนอนให้ดีและวางให้ถูกตำแหน่ง
ควรใช้เตียงที่มีขาตั้งและมีขนาดกะทัดรัด หลีกเลี่ยงการใช้เตียงที่มีขนาดใหญ่หรือทึบตัน และควรวางเตียงให้ผนังหัวเตียงชิดผนังห้องหรือวางชิดมุมใดมุมหนึ่งของห้อง
3. ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของแบบบิวท์อิน เฟอร์นิเจอร์แบบมีขาตั้ง
หากเป็นไปได้ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของควรใช้แบบบิวท์อิน จะช่วยลดการใช้พื้นที่ในห้องนอนให้น้อยลงได้อย่างมาก
Wardrobe Solution อุปกรณ์สำหรับตู้เสื้อผ้า ที่ช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บและสามารถหยิบใช้ได้อย่างสะดวก
4. กำแพงห้องใช้ให้เกิดประโยชน์
สำหรับใครที่ไม่อยากซื้อตู้เก็บของเพิ่ม อยากเก็บของรวมกันไว้ในที่เดียวอย่างเป็นสัดส่วน ลองใช้หิ้งหรือชั้นวางติดบนกำแพง ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ใช้อสอยในห้องได้มากเลยทีเดียว
5. เฟอร์นิเจอร์มัลติฟังก์ชันคือสิ่งตอบโจทย์
เฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะ เก้าอี้ หรือโซฟา ก็ควรใช้แบบที่มีขาตั้งและมีขนาดกะทัดรัดเช่นเดียวกับเตียง นอกจากนั้น ปัจจุบันนี้ เฟอร์นิเจอร์ที่มีหลากหลายฟังก์ชันการใช้งานกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากจริงๆ เช่น โต๊ะทำงานที่มีชั้นวางของในตัว เตียงนอนที่สามารถพับเก็บได้ เป็นต้น
6. ความสว่างจากแสงธรรมชาติและแสงไฟคือสิ่งสำคัญ
ควรหมั่นเปิดหน้าต่างและผ้าม่านให้แสงแดดอ่อนๆ ผ่านเข้ามา หรือจะเพิ่มการติดหลอดไฟให้มากขึ้นก็ได้ เพราะห้องนอนที่สว่างจะช่วยพรางตาให้ห้องนอนแลดูโปร่งโล่งมากขึ้น ดังนั้นผ้าม่านก็ควรใช้แบบที่พลิ้วไหวและมีสีอ่อนเช่นกัน
ไฟ Loox LED เพิ่มความสว่างของห้อง ช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น
7. ฉากกั้นแบบมองทะลุ สวย โล่ง มองสบายตา
หากต้องการกั้นพื้นที่ในห้องนอนให้เป็นัสดส่วน การก่อกำแพง ทำประตู หรือนำตู้เสื้อผ้ามาบัง อาจทำให้พื้นที่รอบๆ แคบลงได้ ควรเปลี่ยนมาใช้ฉากกั้นแบบมองทะลุ ฉากกั้นแบบพับเก็บได้ หรือจะใช้ผ้าม่านแบบแขวนบนราวรูดปิดก็ได้
8. ของตกแต่ง มีให้พอประมาณ
หากคุณเป็นคนชอบแต่งห้อง ลองใช้วอลเปเปอร์ลายทางยาวและเลือกมุมใดมุมหนึ่งของห้องเป็นจุดรวมสำหรับวางของตกแต่ง เช่น กรอบรูปหรือของสะสมชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่สำคัญคือ อย่าวางของเหล่านี้กระจัดกระจายทั่วทั้งห้องและหลีกเลี่ยงอย่าให้มีของแต่งห้องมากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าห้องรกเลอะเทอะไปด้วยของกระจุกกระจิก
9. สีเมทัลลิค ตัวช่วยเพิ่มความกว้าง
สีเมทัลลิคหรือสีออกเงินๆ สะท้อนแสง ช่วยให้ห้องนอนแลดูมีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น ลองเปลี่ยนมาใช้สี เฟอร์นิเจอร์ หรือของแต่งห้องสีเมทัลลิคดูบ้าง แล้วคุณอาจรู้สึกว่าอยู่ในห้องนอนได้อย่างสบายมากขึ้น
10. เลิกเป็นคนขี้เสียดาย
ก็รู้อยู่ว่าห้องนอนเล็ก แล้วจะเก็บอะไรให้มากมายทำไม อะไรที่ใช้ได้เก็บไว้ได้ แต่หากอะไรไม่ใช้แล้ว ทิ้งไปบ้าง หรือหากยังมีสภาพดีอยู่นำไปบริจาคให้คนที่มีความจำเป็นต้องใช้จะดีกว่าไหม? อย่างตุ๊กตาที่มีจนล้น หนังสือที่ไม่อ่านแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่จนเบื่อแล้ว บริจาคแล้ว ห้องนอนจะได้ไม่รกด้วย
ทำตามทริคที่แนะนำกันแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ หมั่นปัดกวาดเช็ดถูห้องนอนให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าให้มีฝุ่นละอองสะสม เพื่อไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ เท่านี้คุณจะมีทั้งห้องนอนที่ดูกว้างและสะอาด น่านอนเป็นที่สุด
cr. https://www.hafelethailand.com/content/16833/10-ไอเดียเก๋แต่งห้องนอนเล็ก-ให้ดูกว้างขึ้น
‘Minimal Style’ แต่งบ้าน สไตล์มินิมอล ที่กําลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ คือสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ ตามความจําเป็นเท่านั้น ซึ่งจะถูกจัดวางอย่างมีระเบียบเรียบร้อย เอกลักษณ์ในการตกแต่งสไตล์มินิมอลนั้นมักจะมีโทนสีแบบโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรงและชาร์ป มีความสมดุลและความผ่อน คลาย เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่คัดสรรมาตกแต่งในบ้านสไตล์นี้ มักจะตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน ท่ามกลางความไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลยังนิยมที่จะจัดพื้นที่สเปสให้มีความว่างและดูกว้างเข้าไว้ โดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของหรือข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลจึงดูเรียบง่าย น้อยชิ้น แต่ทว่าครบถ้วนในเรื่องของประโยชน์การใช้สอย การตกแต่งบ้านสไตล์นี้จึงเหมาะมากๆ สําหรับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง โล่งสบายเป็นอย่างยิ่ง เราไปดูกันดีกว่าว่าข้อดีของการมีบ้านสไตล์มินิมอลและวิธีการตกแต่งบ้านของคุณให้เป็นสไตล์นี้ จะมีอะไรและต้องทําอย่างไรบ้าง
ข้อดีของการ แต่งบ้าน สไตล์มินิมอล
ความเครียดน้อยลง
ยิ่งมีของมาก ก็ยิ่งมีภาระวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาต้องย้ายที่พัก ที่กว่าจะเก็บและย้ายข้าวของแต่ละทีต้องใช้เวลา แถมถ้าใครไม่มีรถส่วนตัว ก็อาจจะต้องคอยทะยอยย้ายของจากที่พักเก่า ไปยังที่ใหม่หลายรอบกว่าจะครบ ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด แต่ถ้าคุณมีของน้อยชิ้นที่เป็นของที่มีประโยชน์ต่อการใช้สอยจริงๆ นอกจากจะไม่ทำให้บ้านรกไปด้วยของใช้ที่ไม่จำเป็นแล้ว ยังทำให้บ้านของคุณดูเรียบง่าย เห็นแล้วรู้สึกสบายตา สบายใจได้อีกด้วยนะ
ทำให้บ้านดูน่าดึงดูดมากขึ้น
ลองนึกถึงภาพถ่ายของบ้านที่เต็มไปด้วยของใช้มากมาย กับภาพของบ้านสไตล์มินิมอลที่ดูเผินๆ แล้วดูเรียบไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วแฝงไว้ด้วยความสวยงามของเฟอร์นิเจอร์เรียบหรู งานศิลปะดีๆ สักชิ้น และของตกแต่งบ้านน้อยชิ้น แต่ว่าแต่ละอันช่างดูเก๋ไก๋เหลือเกิน ซึ่งบ้านสไตล์มินิมอลแบบนี้ต่างหาก ที่เห็นเมื่อไหร่แล้วต้องทำให้เราหยุดดู ดึงความสนใจได้ดีนักเชียว ซึ่งถ้าคุณอยากให้บ้านของคุณดูน่าดึงดูดมากขึ้น ก็สามารถลองแต่งบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอลดูได้
ทำความสะอาดได้ง่ายกว่า
แค่คิดว่าจะต้องทำความสะอาดบ้านที่เต็มไปด้วยของตกแต่ง ของใช้มากมาย ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหมล่ะ เวลาจะปัดกวาด เช็ดถู หรือดูดฝุ่นที ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมงทีเดียว แถมยิ่งของเยอะเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยขึ้นเท่านั้น ซึ่งสามารถนำไปสู่ข้อแรกคือ ทำให้เครียดและหงุดหงิด (เพราะใครจะอยากมานั่งทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ?) แต่ลองนึกภาพถ้าบ้านของคุณมีของน้อยชิ้นดูสิ ทำความสะอาดแป๊ปเดียวก็เสร็จ แถมยังมีเวลาไปทำอย่างอื่นมากขึ้นอีกต่างหาก
หน้าตาของบ้านสไตล์มินิมอล ควรเป็นอย่างไร
เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น
หลักง่ายๆ สำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล อย่างแรกเลยคือเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ บ้านหรือห้องสไตล์มินิมอลจะเน้นการตกแต่งเท่าที่จำเป็น แต่ดูดีมีสไตล์ ตามปรัชญาแนวคิด ‘Less is More’ หรือน้อยแต่มากด้วยประโยชน์ เพราะฉะนั้นเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ก็จะเป็นแต่ของที่ essential หรือสำคัญต่อการใช้ชีวิตจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ในห้องรับแขกก็อาจจะมีแค่โซฟายาวสักหนึ่งตัว เก้าอี้ หรือโซฟา love seat โต๊ะกาแฟ ชั้นวางของแบบมินิมอลิสต์ (ที่ไม่ได้เป็นแบบมีชั้นอะไรเยอะแยะ) ทีวีหนึ่งเครื่อง แล้วก็อาจจะมีโป๊ะไฟสัก 1-2 อัน ส่วนห้องนอนก็จะเน้นไปที่เตียงแบบเรียบๆ โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะวางของข้างหัวเตียงและชั้นหนังสือ ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นประโยชน์การใช้สอยที่สอดคล้องและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ที่พักอาศัยเป็นสำคัญ
พื้นผิวที่วางของดูสะอาด เรียบร้อย
อย่างที่บอกว่าบ้านสไตล์มินิมอลจะมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เพราะฉะนั้นตามชั้นวางของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ หรือ shelf ต่างๆก็จะมีการวางของที่น้อย อย่างมากก็แค่ 1-2 อย่างเท่านั้น ของกระจุกกระจิกนี่แทบไม่มีให้เห็น ส่วนถ้าเป็นพวกหนังสือ หรือนิตยสาร ก็จะมีการจัดวางอย่างมีระเบียบ เรียบร้อย ทุกอย่างเน้นความสบายตาเป็นหลัก
ของน้อยจริง แต่ไม่ทิ้งความมีสไตล์
บ้านที่มีของน้อยในสเปสที่โล่งๆ อาจดูน่าเบื่อได้เหมือนกัน ดังนั้นแทนที่คุณจะมีโต๊ะกาแฟที่ปราศจากสิ่งของใดๆ คุณก็อาจจะตกแต่งมันด้วยแจกันดอกไม้เก๋ๆ สักชิ้นหรือนิตยสารไลฟ์สไตล์หน้าปกสวยๆ สัก 1-2 เล่ม ส่วนโต๊ะทำงาน ก็อาจจะวางกรอบรูปถ่ายของครอบครัว แล้วถ้ากลัวว่าผนังห้องจะดูโล่งจนเกินไป ลองหางานศิลปะชิ้นใหญ่เจ๋งๆ สักชิ้นมาติด ก็สามารถสร้างบรรยากาศห้องให้ดูน่าอยู่ และมีความ homey มากขึ้น
คุณภาพ สำคัญกว่าปริมาณ
การตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ต้องมีระบบการจัดเก็บของที่ดี เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบ เพราะฉะนั้นการออกแบบห้อง มักจะออกแบบให้ถูกซ่อนอย่างกลมกลืนไปกับอาคารหรือเครื่องเรือน อย่างเช่นการออกแบบผนัง พื้นที่ใต้บันได หรือมุมต่างๆ ให้สามารถซ่อนตู้ หรือลิ้นชักเก็บของได้ โดยออกแบบหน้าบานต่างๆ ให้กลมกลืนไปกับผนังห้องเป็นต้น
วิธีการตกแต่งบ้านให้เป็นสไตล์มินิมอล
นอกจากจะยึด 4 ข้อทางด้านบนเป็นหลักแล้ว ทิปส์เหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลเช่นกัน
ตกแต่งไปทีละห้อง
ถ้าคุณเพิ่งย้ายเข้าที่ใหม่ การจะตกแต่งบ้านหรือห้องคอนโดทั้งหมดพร้อมๆ กันอาจจะยากเกินไป เพราะฉะนั้น ลองเริ่มจากการตกแต่งห้องเพียงหนึ่งห้องก่อน อย่างเช่น ห้องทำงานหรือห้องนั่งเล่น ฃที่คุณชอบใช้เวลาอยู่ในนั้นบ่อยๆ ลองค่อยๆ ตกแต่งไปทีละเล็กละน้อยจนคุณพอใจ เสร็จแล้วใช้ห้องที่คุณเพิ่งตกแต่งเสร็จนี่แหละ เป็นแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องต่อๆ ไป
เริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์
แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้ห้องสักห้องดูสวยงาม น่าอยู่ ก็คือเฟอร์นิเจอร์ สำหรับบ้านสไตล์มินิมอล คุณควรเริ่มจากการลดทอน (simplify) ห้องสักห้อง ฃด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ให้น้อย (น้อยในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าแทบจะไม่มีเฟอร์นิเจอร์เหลือให้ใช้เลยนะ) ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ทิ้งไป โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่คุณควรเลือก ก็คือพวกเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่าย แต่มีดีไซน์ที่สวยงาม ในโทนสีเข้ม หรืออ่อนก็ได้แล้วแต่ความชอบ
เลือกเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ และสิ่งของที่มีประโยชน์จริงๆ
เวลาคุณกำลังเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ ให้ถามตัวเองว่าของสิ่งนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีหรือเปล่า เช่นเดียวกับเวลาจัดบ้านใหม่ ถ้ามีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่คุณรู้สึกว่าก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีมัน นั่นก็หมายความว่าคุณควรกำจัดมันออกไปซะ เพราะอย่าลืมว่าหัวใจสำคัญในการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอลก็คือ การมีเฟอร์นิเจอร์ และของใช้สอยต่างๆ ที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตจริงๆ
พื้นที่บนชั้นวางของ และบนพื้นไม่รก ทุกอย่างดูสบายตา
บ้านสไตล์มินิมอลจะต้องไม่เกะกะไปด้วยของใช้ ไอเท็ม หรือเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นคือถูกคัดมาแล้วว่าจำเป็นต่อการใช้ชีวิตจริงๆ ถ้าคุณมีของเก่าเก็บที่มีไว้ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร จงนำของเหล่านั้นไปบริจาค หรือทิ้งซะ เพราะถ้ามันมีความสำคัญสำหรับคุณจริงๆ คุณคงไม่เก็บมันไว้ไม่เอาออกมาใช้สักทีอย่างนี้หรอกเช่นเดียวกับผนังห้อง ผนังห้องของบ้านสไตล์มินิมอลไม่ควรที่จะอัดแน่นไปด้วยกรอบรูป แต่ถ้าไม่อยากให้ห้องของคุณดูโล่งหรือดูจืดชืดจนเกินไป แนะนำว่าให้หาผลงานศิลปะเจ๋งๆ สัก 1-2 รูปมาติดพอ ส่วนตัวกรอบรูปก็ควรเป็นสีดำ หรือไม่ก็สีน้ำตาลแก่ เน้นพวกสีเรียบเป็นหลัก
หน้าต่างดีไซน์เรียบ
สำหรับหน้าต่าง ลองเลือกแบบเปลือยคู่กับผ้าม่านสีทึบ หรือจะติดม่านแบบไม้เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูเป็นธรรมชาติก็ได้ แต่อะไรที่ดูหรูหรา ฟู่ฟ่า เกินความพอดี อย่างผ้าม่านลายดอก หรือลายแพทเทิร์นยุ่งเหยิงๆ นี่ แน่นอนว่าไม่ควรใช้
ควรเลือกใช้สีอ่อน หรือสีโมโนโทน
โทนสีที่ใช้สำหรับบ้านสไตล์มินิมอล ควรเป็นสีออกโมโนโทนหรือสีอ่อนๆ อย่างเช่นสีขาวที่เป็นสีสุดคลาสสิคสำหรับอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นมินิมอล หรือพวกสีเอิร์ธโทน อย่างเช่นสีน้ำตาล สีแทน สีฟ้า และสีเขียว ก็ใช้ได้เหมือนกัน เพราะสีเหล่าจะทำให้บ้านของคุณมีบรรยากาศที่ดูเรียบง่าย สงบ และผ่อนคลาย แต่ทั้งนี้คุณก็สามารถตกแต่งเพิ่มมิติ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีโดดเด่นได้บ้างเหมือนกัน
เป็นอย่างไรบ้างกับทิปส์และคำแนะนำที่เราได้นำมาฝากกันสำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล เราหวังว่าคุณจะได้ประโยชน์จากการอ่านบทความนี้ไปไม่มากก็น้อย จงจำเสมอว่า หัวใจหลักของการมีบ้านสไตล์มินิมอลก็คือ แนวคิดแบบ ‘Less is More’ มีความน้อย แต่มากด้วยประโยชน์ เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ทุกอย่างควรเป็นของที่จำเป็น และมีประโยชน์จริงๆ กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณ อะไรที่ไม่จำเป็นจงตัดทิ้งมันไปซะ ยิ่งมีของน้อย ก็ยิ่งใช้ชีวิตได้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น ไร้ภาระ ความกังวล หรือความเครียดอีกต่อไป
cr. https://www.ananda.co.th/blog/thegenc/minimal-style-decor-การแต่งบ้านสไตล์มิ/
เทรนด์การตกแต่งบ้านที่กำลังมาในปี 2022
ความสำคัญของงานออกแบบตกแต่งภายใน
เริ่มตกแต่งบ้านทำอย่างไร
โปรแกรมการตกแต่งและออกแบบบ้านที่ครอบคลุมทุกส่วน แถมยังใช้งานง่ายแม้จะเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง บันได หรือแม้กระทั่งในส่วนของพาร์ทิชั่นและไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันการออกแบบและตกแต่งภายในเท่านั้น แต่โปรแกรมนี้ยังใช้กับการออกแบบพื้นที่แลนด์สเคปและสระว่ายน้ำได้อีกด้วย
เว็บไซต์ : planner5d.com
เฟซบุ๊ก : Planner 5D
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Planner 5D
ถ้าอยากโหลดรูปภาพจากสถานที่จริงมาใช้ โปรแกรมนี้น่าจะตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของคุณมากทีเดียว เพราะหลังจากที่คุณโหลดจากส่วนตัวลงโปรแกรม ก็สามารถเลือกตกแต่งได้ตามใจชอบ หากรู้สึกถูกใจโมเดลเฟอร์นิเจอร์ในโปรแกรมนี้ ยังสามารถคลิกเพื่อสั่งซื้อสินค้านั้นได้จากหน้าจอ พร้อมทั้งยังคลิกเมาส์เพื่อเปลี่ยนมุมมองไปรอบ ๆ ห้องได้อีกด้วยล่ะ
เว็บไซต์ : roomstyler.com
เฟซบุ๊ก : Roomstyler
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Roomstyler
ตอนเปิดแค็ตตาล็อกเพื่อดูเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใจ คงอยากจะรู้ใช่ไหมล่ะคะว่า ถ้ามาตั้งในห้องหรือบ้านของเราแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องมโนคิดภาพเองให้ปวดหัว เพราะสามารถหยิบจับเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มาออกแบบและตกแต่งบ้าน เพื่อดูเป็นตัวอย่างไว้ก่อนได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะอย่างไร ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ที่มีให้ในโปรแกรม เป็นเฟอร์นิเจอร์จริงที่มีขายใน IKEA ทำให้สามารถคำนวณและวางแผนค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำด้วยนะคะ
เว็บไซต์ : ikea.com
ภาพจาก ikea
4. Ikea Kitchen Planner
นอกจากโปรแกรมออกแบบและตกแต่งบ้านแล้ว อิเกียยังมีโปรแกรมสำหรับตกแต่งห้องครัว พร้อมกับลิสต์เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้ลองเลือกตกแต่ง อีกทั้งยังมีราคาและสามารถคำนวณงบประมาณคร่าว ๆ ให้ได้อีกด้วย เริ่มจากกดเข้าไปในโปรแกรมแล้วเลือกขนาดพื้นที่ คราวนี้ก็เริ่มลงมือออกแบบและตกแต่งได้เอง โดยไม่ต้องเสียเงินจ้างคนมาช่วยทำเลยล่ะ
เว็บไซต์ : ikea.com
ภาพจาก ikea
5. Armstrong Flooring
กว่าจะหาวัสดุที่ถูกใจมาตกแต่งบ้านได้ ต้องขับรถตระเวนหาเป็นสิบร้าน แต่โปรแกรมนี้ได้รวบรวมสิ่งที่คุณต้องการมาให้แล้ว ทั้งของใช้ ของตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ หลากสีหลายเทกเจอร์ ลองเลือกมาแต่งได้ตามใจชอบเลย อีกทั้งในขณะที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับฟังก์ชันต่าง ๆ โปรแกรมนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านด้วย ว่าแต่ละชิ้นที่นำมาใช้แมตช์หรือไม่แมตช์กันอย่างไร
เว็บไซต์ : armstrong.com
เฟซบุ๊ก : Armstrong Flooring
6. Homestyler
โปรแกรมนี้รู้จักกันดีในหมู่นักออกแบบและตกแต่งภายในอยู่แล้ว อีกทั้งนอกจากจะใช้ออกแบบบ้านแล้ว ยังสามารถใช้กับการออกแบบออฟฟิศและคอนโดได้อีกด้วย ส่วนการใช้นั้นก็ง่ายแสนง่าย นักออกแบบมือใหม่ก็ทำได้เช่นกัน ส่วนภายในโปรแกรมก็มีฟังก์ชันต่าง ๆ ทั้งพรม ตู้เก็บของ และเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ให้ลองเลือกมาตกแต่งอีกเพียบเลย
หากอยากจะลองรีโนเวทบ้านด้วยตัวเอง หลังจากคิดภาพคร่าว ๆ เอาไว้แล้วว่าอยากให้บ้านหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร โปรแกรมตัวนี้จะช่วยให้ความคิดของคุณเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียเงินฟรีไปกับวัสดุอุปกรณ์ที่ซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้ เพราะในโปรแกรมนอกจากจะมีฟังก์ชันสำหรับการตกแต่งให้ลองเลือกใช้แล้ว ยังมีระบบคำนวณความเหมาะสมของการใช้ฉนวน สี กระเบื้อง และของตกแต่งอื่น ๆ อีกเพียบ ที่สำคัญยังมีราคาสินค้าให้เสร็จสรรพ เอาไว้นำไปต่อรองกับคนขายตอนซื้อของได้ด้วย
เว็บไซต์ : thehomerenovator.com
ภาพจาก thehomerenovator
8. Sweet Home 3D
ในโปรแกรมจะมีห้องต่าง ๆ เอาไว้ใช้เป็นตัวอย่างสำหรับผู้เริ่มต้น รวมถึงแพตเทิร์นห้อง ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเคลื่อนย้ายและเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ตามที่ต้องการได้ โปรแกรมจะแสดงผลทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ มีอีก 23 ภาษาให้เลือกใช้งาน
เว็บไซต์ : sweethome3d.com
ภาพจาก sweethome3d
เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่ายเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ออกแบบได้ตั้งแต่บ้าน ออฟฟิศ อพาร์ตเมนต์ ไปจนถึงสระว่ายน้ำ สวน โต๊ะ และโรงจอดรถ นอกจากนั้นยังสามารถใช้ได้กับแผนภูมินำเสนองานแบบต่าง ๆ ได้อีกด้วย
เว็บไซต์ : smartdraw.com
เฟซบุ๊ก : SmartDraw
ภาพจาก เฟซบุ๊ก SmartDraw
10. HomeByMe
แพตเทิร์นบ้านจะไม่จำกัดแค่แบบสี่เหลี่ยม สามารถออกแบบแพตเทิร์นได้ตามใจชอบ มีเครื่องมือให้เลือกใช้งานหลากหลายทั้งต้นไม้ สระว่ายน้ำ อิฐสำหรับปูทางเดิน เป็นต้น อีกทั้งสามารถแสดงผลได้ทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ
เว็บไซต์ : home.by.me
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Homebyme
ได้รู้จักกับโปรแกรมออกแบบบ้านทั้ง 10 โปรแกรมนี้ไปแล้ว ถ้าใครสนใจอยากลองสวมบทเป็นสถาปนิกหรืออินทีเรีย ออกแบบและตกแต่งบ้านตัวเองดูสักครั้ง แต่ยังไม่มั่นใจในฝีมือก็ลองโหลดโปรแกรมเหล่านี้มาทดสอบความสามารถกันดูก่อนก็ได้นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก freshome และ Sweet Home 3D
ลูกได้เล่น พ่อกับแม่ได้พัก ในบ้านแสนสนุก
แต่งบ้านให้เป็นสนามเด็กเล่น
ชีวิตวัยเด็กของแต่ละคนมีเพียงครั้งเดียวจึงเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก และพ่อแม่ควรจะได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมในชีวิตของลูก ๆ ให้มากที่สุด อาจจะทำโดยผ่านการเล่นและการเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ไปด้วยกัน พ่อแม่หลาย ๆ คนเน้นไปที่การสรรหาของเล่นเสริมพัฒนาการราคาแพง ของเล่นจากธรรมชาติ เพราะเชื่อว่าจะสนับสนุนให้ลูกมีการพัฒนาทั้งกล้ามเนื้อ IQ หรือ EQ แต่ทราบหรือไม่ว่าของเล่นที่ดีที่สุดของลูกก็คือ “ตัวคุณพ่อคุณแม่” นั่นเอง ครอบครัวบ้านไต้หวันสมัยใหม่จึงดีไซน์พื้นที่ใช้ชีวิตขึ้นใหม่อย่างน่ารัก เพื่อให้พ่อ แม่ ลูก ได้วิถีชีวิตร่วมกัน บ้านจึงกลายเป็นสนามเด็กเล่นที่สนุกสนานของทั้งครอบครัว
ออกแบบ : HAO Design
ภาพถ่าย : Hey!Cheese
เนื้อหา : บ้านไอเดีย
บ้านโล่ง ๆ เปิดโลกของเด็กเล่น
รูปแบบชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้ครอบครัวสมัยใหม่ส่วนใหญ่ชอบพื้นที่เปิดโล่ง (open plan) เมื่อไม่มีสิ่งกีดขวางก็จะเพิ่มช่องทางการมองเห็น พื้นที่ทั้งหมดจะสว่างและเปิดโล่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกการเคลื่อนไหวและเพิ่มการสื่อสารระหว่างกันในครอบครัว ในครอบครัวนี้ก็เช่นดียวกันคือ จัดสเปซใช้งานส่วนกลางขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อถึงกันได้หมด รวมพื้นที่ครัว ห้องนั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหารเข้าด้วยกัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เด็ก ๆ มีพื้นที่ใช้งานได้กว้างและปลอดภัย
คลิกที่ภาพ เพื่อชมภาพขยายใหญ่
ท้าทายด้วยสไลด์เดอร์แบบเก็บได้ที่บ้าน
การตกแต่งภายในที่ไม่เหมือนใคร ทำให้เห็นห้องนั่งเล่นที่มีความเคลื่อนไหว มีชีวิตชีวา แทนที่จะเป็นห้องนั่งเล่นที่จะเป็นกิจกรรมนิ่ง ๆ แบบดั้งเดิม เพราะรวมเอาพื้นที่เล่นของเด็กเข้าไปด้วย โซนสนามเด็กเล่นสร้างเป็นกล่องเหมือนบ้านกล่องเล็ก ๆ บรรจุฟังก์ชันหลากหลายไว้ข้างใน อาทิ บันไดให้ปีนขึ้น-ลงในความสูงที่ไม่อันตราย บาร์สำหรับโหนเล่น และสไลเดอร์ที่เคลื่อนย้ายได้ เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เลือกเล่นและออกกำลังกายไปในตัวอย่างเต็มที่
ส่วนของสไลด์เดอร์มีความพิเศษซ่อนอยู่ คือ นอกจากจะมีฟังก์ชันหลายอย่างรวมในชิ้นเดียวแล้ว ยังออกแบบระบบให้ง่ายต่อการดึงออกมาและผลักเก็บเข้าไปได้ ทำให้น้อง ๆ เลือกเล่นได้และรู้จักการจัดเก็บเอง วิธีนี้ยังช่วยให้บ้านประหยัดพื้นที่ได้มากไม่กินพื้นที่ เหนือสไลด์เดิอร์มีไฟฟ้าส่องสว่างให้ความปลอดภัยที่มากขึ้นในช่วงกลางคืน
การเล่นทำให้เด็กได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่เล่นสนุกก็ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ได้อย่างใกล้ชิด และพัฒนาสติปัญญา ร่างกาย จิตใจ สังคม และอารมณ์ ไปพร้อมๆ กัน นี่คือบ้านที่จัดสภาพแวดล้อมมาอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างความทรงจำวัยเด็กให้เบ่งบานเป็นพื้นฐานทางจิตใจที่ดีสำหรับเติบใหญ่ในอนาคต
แนวคิดการเลี้ยงดูของเจ้าของบ้านรวมวินัยเอาไว้อยู่ในระหว่างความสนุกสนานของพ่อแม่ลูก เด็กจะสามารถมีส่วนร่วมในบทเรียนเรื่อง “การจัดระเบียบ” โดยเฉพาะในตู้เก็บของแม่ที่เป็นฐานลับของเด็กด้วย
การจัดเก็บคือกุญแจสำคัญ
การออกแบบบ้านแบบ open plan มักจะลดการใช้งานผนังหรือกำแพงลงให้มากที่สุด และจัดวางตู้ ชั้น เท่าที่จำเป็น เพื่อเปิดสเปซให้โล่งกว้างที่สุด หากในบ้านไม่มีระบบจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ สิ่งของน้อยใหญ่ในบ้านก็จะกระจัดกระจายในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากต้องการรักษาความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสายตา ก็สามารถพึ่งพาพื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์ได้ด้วยการบิลท์ตู้และชั้นวางบนผนังที่มีอย่างแนบเนียน ซึ่งสถาปนิกออกแบบวิธีและจุดจัดเก็บด้วยการศึกษานิสัยที่เป็นธรรมชาติที่สุด วิธีที่สะดวกที่สุด และวิธีที่ขี้เกียจที่สุด จากนั้นจึงสะท้อนรูปแบบชีวิตที่แท้จริงออกมาเป็นตู้ที่มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้สามารถวางสิ่งของในทุกมุม อาทิ ช่องเก็บบริเวณทางเข้า ห้องเก็บของใกล้พื้นที่เด็กเล่น ตู้บนผนังในโซนทำงาน ตู้บิลท์อินบนผนังห้องครัว ประตูห้องเก็บของ ในห้องนอน ฯลฯ เริ่มต้น
ทุกพื้นที่ในบ้านจัดให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น โต๊ะรับประทานอาหารอาจจะกลายเป็นโซนสร้างสรรค์งานประดิษฐ์ให้ลูก และเป็นมุมทำงานของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนครัวจะระมัดระวังให้ฟังก์ชันที่เป็นอันตรายอยู่ไกลและสูงจากมือเด็ก แต่ก็มีบริเวณที่อนุญาตให้เด็กมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทำอาหารได้
ห้องนอนก็ฝึกวินัยเด็กได้
เรื่องราวของสีดำเนินต่อเนื่องไปในห้องนอนเด็กโทนสีฟ้า โคมไฟระย้าในห้องนอนที่มีสไตล์เน้นย้ำความสดชื่น รอบห้องนอนมีช่องทางรับแสงให้ผ่อนคลายสบายตา ดูแลรักษาความสะอาดง่าย เตียงเลือกใช้ฟูกวางกับพื้นที่มีความสูงไม่มาก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กตกลงมากจากเตียง จุดจัดเก็บเป็นตู้ที่แบ่งชั้นช่อง โดยจัดโซนสำหรับเก็บของใช้ ของเล่น ที่ใช้บ่อย หรือตู้เสื้อผ้าในความสูงที่เด็กเอื้อมถึง เด็กจะได้รับการฝึกเรื่องความรับผิดชอบในตัวเองในการแต่งตัวและการจัดเก็บตั้งแต่เด็ก ซึ่งจะเป็นลักษณะนิสัยที่ดีต่อเนื่องไปในอนาคต
CR. : banidea.com
ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำ ของคุณ นานวันเข้าดูเหมือนว่ามันจะเล็กไปสำหรับคุณแล้วใช่ไหม? ทั้งพื้นที่อาบน้ำ พื้นที่หน้ากระจก พื้นที่เก็บเครื่องอาบน้ำ จนคุณอยากที่จะขยายห้องน้ำหรือปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน ไม่ต้องกังวลไปให้เราช่วยคุณแก้ไขปัญหาเหล่านั้น คุณเพียงแค่ต้องมีสไตล์เชิงกลยุทธ์ในการที่จะทำให้ห้องน้ำของคุณดูใหญ่ขึ้น เรามีคำแนะนำง่าย ๆ เกี่ยวกับการจัดการห้องน้ำกว่า 20 แบบ ในบทความนี้ ที่จะทำให้คุณลืมไปเลยว่าห้องน้ำของคุณเคยเล็กแค่ไหนหลังจากปฎิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้
มาทำให้ห้องน้ำเล็ก ๆ ดูใหญ่ขึ้น กันเถอะ !
1. ติดตั้งช่องกระจกรับแสงสว่าง
แสงธรรมชาติเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูใหญ่ขึ้น ช่องกระจกรับแสงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเมื่อช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ให้ความสว่างไม่เพียงพอ
2. อ่างล้างหน้าแบบลอยตัว
การติดตั้งอ่างล้างหน้าแบบลอยตัวช่วยประหยัดพื้นที่ได้ให้คุณได้ นอกจากนี้ยังดูเก๋ไก๋อีกด้วย
3. ที่เก็บเครื่องอาบน้ำในผนังด้านข้าง
การทำที่เก็บเครื่องอาบน้ำในผนังด้านข้าง ช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ในการทำชั้นวางได้ไม่น้อย แถมยังดูน่ารัก
4. ตกแต่งห้องน้ำในโทนสีขาว
บางคนอาจบอกว่าสีขาวดูน่าเบื่อ แต่การใช้สีขาวในห้องน้ำขนาดเล็กจะทำให้พื้นที่ดูกว้างและสว่างขึ้น
5. รู้ที่จะประหยัดพื้นที่
หากคุณต้องการมีอ่างอาบน้ำในห้องน้ำขนาดเล็ก โปรดแน่ใจว่าคุณสามารถที่จะยอมรับกับการประหยัดพื้นที่ในส่วนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้า ที่ต้องมีขนาดเล็กลง
6. ลองใช้อ่างล้างหน้ารูปไข่
อ่างล้างหน้ารูปไข่ที่ดูอ่อนโยน ให้พื้นที่เคาน์เตอร์ที่มากกว่าอ่างล้างหน้ารูปสี่เหลี่ยม ซึ่งคุณสามารถวางของบนนั้นได้มากขึ้น
7. ลองใช้โต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางของในห้องน้ำ
เลือกโต๊ะขนาดเล็กที่มีฐานแบบเปิด เพื่อให้พื้นที่ใต้โต๊ะดูโล่ง นอกจากนี้มันยังช่วยให้คุณมีที่วางของเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกด้วย
8. ลองใช้อ่างล้างหน้าแบบยาวที่มาพร้อมเคาน์เตอร์
อ่างล้างหน้าแบบยาวและเคาน์เตอร์ที่เป็นชิ้นเดียวสามารถประหยัดพื้นที่ได้อย่างมาก ทำให้มีพื้นที่พอให้คนสองคนสามารถใช้มันในเวลาเดียวกันได้
9. ราวแขวนผ้าเช็ดตัวแบบคู่
ราวแขวนผ้าเช็ดตัวเหนืออ่างอาบน้ำแบบคู่นั้นช่วยให้คุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดพื้นที่ผนังมากกว่าการใช้แบบราวเดี่ยวที่มีขนาดยาวเกินไป
10. เลือกใช้กระจกขนาดใหญ่ในห้องน้ำขนาดเล็ก
กระจกขนาดใหญ่เหนืออ่างอาบน้ำจะช่วยสร้างภาพลวงตาให้พื้นที่ภายในห้องน้ำดูกว้างขึ้น
11. เลือกใช้กระเบื้องปูพื้นที่แสดงถึงความต่อเนื่องของพื้นที่
กระเบื้องพื้นห้องน้ำที่มีลวดลายแบบต่อเนื่องจะทำให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูมีพื้นที่ในแนวราบมากยิ่งขึ้น
12. เคาน์เตอร์แบบมุมโค้ง
การเลือกใช้เคาน์เตอร์แบบมีมุมโค้ง จะช่วยให้คุณมีพื้นที่ด้านหน้าที่ดูโล่งมากขึ้นและมีโอกาสน้อยที่จะชนเข้ากับมุมเมื่อคุณกำลังเร่งรีบ
13. ห้องอาบน้ำที่โปร่งโล่ง
อย่าใช้กระจกกั้นห้องอาบน้ำแบบหม่น, เลือกใช้กระจกใส มันจะทำให้ห้องน้ำและห้องอาบน้ำของคุณเชื่อมต่อถึงกันได้ดีกว่า ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นด้วย
14. ลองใช้กระจกรูปไข่
เนื่องจากกระจกรูปไข่มีลักษณะที่ดูเหมือนยืดตัวขึ้นไปด้านบน นั่นจะทำให้ผนังดูสูงขึ้นส่งผลให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูมีพื้นที่มากขึ้นด้วย
15. ใช้ม่านบังที่ดูเหมือนผ้าม่านแบบปกติ
ลองใช้ผ้าม่านที่ดูเหมือนผ้าม่านแบบปกติมากกว่าผ้าม่านแบบพลาสติก มันไม่เพียงทำให้ห้องน้ำของคุณดูมีพื้นที่ซับซ้อนน่าค้นหายิ่งขึ้น แต่ยังทำให้ส่วนของห้องอาบน้ำดูกลายเป็นพื้นที่สงวนอีกด้วย
16. อย่าให้หน้าต่างถูกบดบัง
แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพื้นที่แคบ มันช่วยให้พื้นที่ดูสว่างและโปร่งขึ้น
17. เพิ่มชั้นวางแบบแยก
หากห้องน้ำของคุณไม่มีเคาน์เตอร์ในตัว ให้เลือกใช้ชั้นวางแบบแยก ติดตั้งบริเวณเหนืออ่างล้างหน้า ทำให้คุณสามารถว่างสิ่งจำเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้งานประจำวันได้ ในพื้นที่จำกัด
18. เลือกสีที่โดดเด่นให้กับบางจุด
อุปกรณ์ห้องน้ำทองเหลือง เช่น ฝักบัว มือจับ ลูกบิดและแม้กระทั่งท่อน้ำ ช่วยเพิ่มองค์ประกอบที่สะดุดตาให้กับห้องน้ำ ให้ความรู้สึกสะอาดและเปิดโล่ง เมื่อตัดกับพื้นที่สีขาว
19. โต๊ะวินเทจพร้อมชั้นวางของแบบเปิดโล่ง
บางครั้งเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะติดตั้งในพื้นที่ขนาดเล็ก นั่นทำให้โต๊ะวินเทจพร้อมชั้นวางของแบบเปิดโล่งที่ให้ความรู้สึกเพรียวบางช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับพื้นที่ได้มากกว่า
20. ติดกระจกเพิ่มเติม
กระจกมีประโยชน์มากกว่าแค่เอาไว้ส่อง, แสงสะท้อนจากพื้นผิวของมันจะช่วยให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูกว้างขึ้น แม้แต่กระจกขนาดเล็กก็ตาม
21. ใช้ประตูแบบเลื่อน
แทนที่จะเป็นประตูบานพับที่เปิดเข้าไปแล้วกินพื้นที่ในห้องน้ำเล็ก ๆ ของคุณ, เลือกใช้ประตูแบบเลื่อนที่อยู่ขนานกับผนังจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าภายในห้องน้ำมีพื้นที่มากยิ่งขึ้น
CR : https://basedonbuild.com/small-bathrooms-ideas/