Categories
บทความ

7 ไอเดีย แบ่งพื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร ไว้ด้วยกัน

การออกแบบพื้นที่ภายในบ้านแบบเปิดโล่ง สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย นอกจากจะสามารถเข้ากับสิ่งรอบข้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยังเป็นการเปิดประตูสู่การออกแบบใหม่ ๆ ได้อย่างไร้จุดสิ้นสุด หากคุณกำลังคิดจะลงมือสร้างห้องนั่งเล่นแบบเปิดโล่ง และต้องการที่จะเพิ่มพื้นที่แยกสำหรับรับประทานอาหาร ลองดูไอเดียตัวอย่างด้านล่างนี้ ที่จะทำให้คุณสามารถแบ่งพื้นที่ได้อย่างสวยงาม

ให้เอกลักษณ์กับเพดาน

หนึ่งในวิธีอันเรียบง่ายในการออกแบบพื้นที่แยกในห้องนั่งเล่นก็คือการ ตกแต่ง และให้เอกลักษณ์กับเพดาน แบ่งแต่ละพื้นที่ให้อยู่ในเขตของตัวเองด้วยการเพิ่มช่องว่างระหว่างเพดาน เช่นรูปทรงเลขาคณิต การตกแต่งสีให้เด่น หรือให้เห็นได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าแต่ละห้องจะเชื่อมต่อกันแต่การออกแบบรูปลักษณ์ของเพดานก็จะสร้างความงดงามที่แตกต่างให้แต่ละพื้นที่ได้อย่างดี

ใช้สีบ่งบอกพื้นที่

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อต้องการไอเดียในการทำพื้นที่แบ่งห้อง ก็คือ การเลือกใช้สี ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการแยกห้องนั่งเล่นกับห้องรับประทานอาหารออกจากกัน ให้เลือกสีที่ตัดกันสองสีอย่างชัดเจนในแต่ละห้อง เพื่อสร้างเอกลักษณ์ จากนั้นคุณสามารถเลือกสีอื่น ๆ เพื่อใช้ตกแต่งเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นสีไม้โทนอุ่น หรือสีขาวแบบธรรมชาติ ก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี

แผงไม้

แผงรางไม้ทำหน้าที่เป็นตัวแบ่งห้องแบบดั้งเดิม ที่มีความงดงามในตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกแผงไม้อัดแข็งแบบเปิดสองด้าน ที่สะดวกในการเคลื่อนย้าย หรือไม้แบบบางที่สามารถใช้เป็นที่วางของตกแต่งเพิ่มเติมได้ แต่หากพื้นที่ของคุณมีจำกัด คุณสามารถใช้แท่งไม้แบบเปิดที่วางจากพื้นไปถึงเพดานได้ เพื่อให้ห้องที่โดนแบ่งดูสว่างและร่มเย็น

ผ้าม่านแบบโปร่ง

ด้วยน้ำหนักที่เบาบาง ผ้าม่านแบบโปร่งนั้นเข้ากับห้องนั่งเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ แบ่งพื้นที่ห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นออกจากกันได้อย่างง่ายดายด้วยผ้าม่านแบบโปร่ง ทั้งยังสามารถปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือพับขึ้นเพื่อให้เกิดความโล่งสบายระหว่างพื้นที่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าคุณจะเลือกผ้าม่านแบบทึบที่มีสีโปร่งแสง หรือลวดลายเตะตา ก็ช่วยเพิ่มคุณลักษณะเฉพาะให้กับพื้นที่ของคุณได้ไม่ต่างกัน

จัดตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์

ในขณะที่ไอเดียในการแบ่งห้องอื่น ๆ จะมุ่งเน้นไปที่พื้นและเพดาน แต่ยังมีวิธีที่รวดเร็วเพียงแค่จัดตำแหน่งฟอร์นิเจอร์ ก็สามารถสร้างความแตกต่าง และใช้ประโยชน์ได้ไม่ต่างกัน เปลี่ยนตำแหน่งของฟอร์นิเจอร์เพื่อแบ่งพื้นที่แต่ละส่วนภายในบ้าน จัดกลุ่มฟอร์นิเจอร์ห้องรับประทานอาหารให้อยู่อีกที่ และเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องนั่งเล่นให้อยู่อีกที่หนึ่ง นอกจากนั้นการใช้ตู้ลิ้นชักแบบยาว ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแบ่งห้องแบบง่าย ๆ ได้เช่นกัน

ฉากกั้นห้อง

สุดท้ายนี้ หากคุณเลือกที่จะใช้แผงกั้นห้องเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวในการแบ่งห้องแล้วละก็ มันถือเป็นตัวเลือกที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมายาวนาน ไม่ว่าจะในห้องนอน หรือทำพื้นที่เปลี่ยนชุดเพื่อประหยัดพื้นที่ ทั้งยังเพิ่มเสน่ห์แบบวินเทจให้กับห้องนั่งเล่นและห้องอื่น ๆ ของคุณอีกด้วย เพื่อความไร้ที่ติ ควรใช้แผงกั้นแบบตั้งที่มีลวดลายหรูหราเป็นเอกลักษณ์

หากคุณได้นำไอเดียเหล่านี้ไปใช้ในการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้กับการแบ่งพื้นที่ของภายในบ้าน คุณจะรู้สึกพึงพอใจไปกับห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร ที่คุณจัดแบ่งด้วยตัวคุณเองอย่างนอน

CR : https://basedonbuild.com/room-open-space-house-ideas/

Categories
บทความ

20+ ไอเดียตกแต่งห้องน้ำ ที่ทำให้ห้องน้ำเล็ก ๆ ดูใหญ่ขึ้น !

ห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำ ของคุณ นานวันเข้าดูเหมือนว่ามันจะเล็กไปสำหรับคุณแล้วใช่ไหม? ทั้งพื้นที่อาบน้ำ พื้นที่หน้ากระจก พื้นที่เก็บเครื่องอาบน้ำ จนคุณอยากที่จะขยายห้องน้ำหรือปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน ไม่ต้องกังวลไปให้เราช่วยคุณแก้ไขปัญหาเหล่านั้น คุณเพียงแค่ต้องมีสไตล์เชิงกลยุทธ์ในการที่จะทำให้ห้องน้ำของคุณดูใหญ่ขึ้น เรามีคำแนะนำง่าย ๆ เกี่ยวกับการจัดการห้องน้ำกว่า 20 แบบ ในบทความนี้ ที่จะทำให้คุณลืมไปเลยว่าห้องน้ำของคุณเคยเล็กแค่ไหนหลังจากปฎิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้

มาทำให้ห้องน้ำเล็ก ๆ ดูใหญ่ขึ้น กันเถอะ !

ช่องกระจกรับแสง ห้องน้ำ

1. ติดตั้งช่องกระจกรับแสงสว่าง

แสงธรรมชาติเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูใหญ่ขึ้น ช่องกระจกรับแสงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเมื่อช่องหน้าต่างเล็ก ๆ ให้ความสว่างไม่เพียงพอ


อ่างล้างหน้าแบบลอย

2. อ่างล้างหน้าแบบลอยตัว

การติดตั้งอ่างล้างหน้าแบบลอยตัวช่วยประหยัดพื้นที่ได้ให้คุณได้ นอกจากนี้ยังดูเก๋ไก๋อีกด้วย


ที่เก็บเครื่องอาบน้ำ

3. ที่เก็บเครื่องอาบน้ำในผนังด้านข้าง

การทำที่เก็บเครื่องอาบน้ำในผนังด้านข้าง ช่วยให้คุณประหยัดพื้นที่ในการทำชั้นวางได้ไม่น้อย แถมยังดูน่ารัก


ห้องน้ำในโทนสีขาว

4. ตกแต่งห้องน้ำในโทนสีขาว

บางคนอาจบอกว่าสีขาวดูน่าเบื่อ แต่การใช้สีขาวในห้องน้ำขนาดเล็กจะทำให้พื้นที่ดูกว้างและสว่างขึ้น


อ่างอาบน้ำ

5. รู้ที่จะประหยัดพื้นที่

หากคุณต้องการมีอ่างอาบน้ำในห้องน้ำขนาดเล็ก โปรดแน่ใจว่าคุณสามารถที่จะยอมรับกับการประหยัดพื้นที่ในส่วนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้า ที่ต้องมีขนาดเล็กลง


อ่างล้างหน้ารูปไข่

6. ลองใช้อ่างล้างหน้ารูปไข่

อ่างล้างหน้ารูปไข่ที่ดูอ่อนโยน ให้พื้นที่เคาน์เตอร์ที่มากกว่าอ่างล้างหน้ารูปสี่เหลี่ยม ซึ่งคุณสามารถวางของบนนั้นได้มากขึ้น


โต๊ะในห้องน้ำ

7. ลองใช้โต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางของในห้องน้ำ

เลือกโต๊ะขนาดเล็กที่มีฐานแบบเปิด เพื่อให้พื้นที่ใต้โต๊ะดูโล่ง นอกจากนี้มันยังช่วยให้คุณมีที่วางของเล็ก ๆ  น้อย ๆ อีกด้วย


อ่างล้างหน้าแบบยาว

8. ลองใช้อ่างล้างหน้าแบบยาวที่มาพร้อมเคาน์เตอร์

อ่างล้างหน้าแบบยาวและเคาน์เตอร์ที่เป็นชิ้นเดียวสามารถประหยัดพื้นที่ได้อย่างมาก ทำให้มีพื้นที่พอให้คนสองคนสามารถใช้มันในเวลาเดียวกันได้


ราวแขวนผ้าเช็ดตัว

9. ราวแขวนผ้าเช็ดตัวแบบคู่

ราวแขวนผ้าเช็ดตัวเหนืออ่างอาบน้ำแบบคู่นั้นช่วยให้คุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดพื้นที่ผนังมากกว่าการใช้แบบราวเดี่ยวที่มีขนาดยาวเกินไป


กระจกในห้องน้ำ

10. เลือกใช้กระจกขนาดใหญ่ในห้องน้ำขนาดเล็ก

กระจกขนาดใหญ่เหนืออ่างอาบน้ำจะช่วยสร้างภาพลวงตาให้พื้นที่ภายในห้องน้ำดูกว้างขึ้น


กระเบื้องปูพื้นห้องน้ำ

11. เลือกใช้กระเบื้องปูพื้นที่แสดงถึงความต่อเนื่องของพื้นที่

กระเบื้องพื้นห้องน้ำที่มีลวดลายแบบต่อเนื่องจะทำให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูมีพื้นที่ในแนวราบมากยิ่งขึ้น


เคาน์เตอร์ห้องน้ำ แบบมุมโค้ง

12. เคาน์เตอร์แบบมุมโค้ง

การเลือกใช้เคาน์เตอร์แบบมีมุมโค้ง จะช่วยให้คุณมีพื้นที่ด้านหน้าที่ดูโล่งมากขึ้นและมีโอกาสน้อยที่จะชนเข้ากับมุมเมื่อคุณกำลังเร่งรีบ


ห้องอาบน้ำ

13. ห้องอาบน้ำที่โปร่งโล่ง

อย่าใช้กระจกกั้นห้องอาบน้ำแบบหม่น, เลือกใช้กระจกใส มันจะทำให้ห้องน้ำและห้องอาบน้ำของคุณเชื่อมต่อถึงกันได้ดีกว่า ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นด้วย


กระจกรูปไข่

14. ลองใช้กระจกรูปไข่

เนื่องจากกระจกรูปไข่มีลักษณะที่ดูเหมือนยืดตัวขึ้นไปด้านบน นั่นจะทำให้ผนังดูสูงขึ้นส่งผลให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูมีพื้นที่มากขึ้นด้วย


ม่านห้องน้ำ

15. ใช้ม่านบังที่ดูเหมือนผ้าม่านแบบปกติ

ลองใช้ผ้าม่านที่ดูเหมือนผ้าม่านแบบปกติมากกว่าผ้าม่านแบบพลาสติก มันไม่เพียงทำให้ห้องน้ำของคุณดูมีพื้นที่ซับซ้อนน่าค้นหายิ่งขึ้น แต่ยังทำให้ส่วนของห้องอาบน้ำดูกลายเป็นพื้นที่สงวนอีกด้วย


หน้าต่างห้องน้ำ

16. อย่าให้หน้าต่างถูกบดบัง

แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหน้าต่างเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพื้นที่แคบ มันช่วยให้พื้นที่ดูสว่างและโปร่งขึ้น


ชั้นวางของในห้องน้ำ

17. เพิ่มชั้นวางแบบแยก

หากห้องน้ำของคุณไม่มีเคาน์เตอร์ในตัว ให้เลือกใช้ชั้นวางแบบแยก ติดตั้งบริเวณเหนืออ่างล้างหน้า ทำให้คุณสามารถว่างสิ่งจำเป็นเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใช้งานประจำวันได้ ในพื้นที่จำกัด


อุปกรณ์ห้องน้ำ

18. เลือกสีที่โดดเด่นให้กับบางจุด

อุปกรณ์ห้องน้ำทองเหลือง เช่น ฝักบัว มือจับ ลูกบิดและแม้กระทั่งท่อน้ำ ช่วยเพิ่มองค์ประกอบที่สะดุดตาให้กับห้องน้ำ ให้ความรู้สึกสะอาดและเปิดโล่ง เมื่อตัดกับพื้นที่สีขาว


โต๊ะห้องน้ำวินเทจ

19. โต๊ะวินเทจพร้อมชั้นวางของแบบเปิดโล่ง

บางครั้งเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ก็ไม่คุ้มค่าที่จะติดตั้งในพื้นที่ขนาดเล็ก นั่นทำให้โต๊ะวินเทจพร้อมชั้นวางของแบบเปิดโล่งที่ให้ความรู้สึกเพรียวบางช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งให้กับพื้นที่ได้มากกว่า


กระจกห้องน้ำ

20. ติดกระจกเพิ่มเติม

กระจกมีประโยชน์มากกว่าแค่เอาไว้ส่อง, แสงสะท้อนจากพื้นผิวของมันจะช่วยให้ห้องน้ำขนาดเล็กดูกว้างขึ้น แม้แต่กระจกขนาดเล็กก็ตาม


ประตูบานเลื่อน

21. ใช้ประตูแบบเลื่อน

แทนที่จะเป็นประตูบานพับที่เปิดเข้าไปแล้วกินพื้นที่ในห้องน้ำเล็ก ๆ ของคุณ, เลือกใช้ประตูแบบเลื่อนที่อยู่ขนานกับผนังจะช่วยให้คุณรู้สึกว่าภายในห้องน้ำมีพื้นที่มากยิ่งขึ้น

CR : https://basedonbuild.com/small-bathrooms-ideas/

Categories
บทความ

9 เคล็ดลับ การจัดระเบียบห้องนอน ที่ได้ผลดีที่สุด

เมื่อคุณทำการค้นหาเคล็ดลับในการ จัดห้องนอน ของคุณบนอินเทอร์เน็ต คุณจะพบคำแนะนำง่าย ๆ โดยทั่วไป ซึ่งแบ่งเป็นสามประเภทดังต่อไปนี้

  • คำแนะนำที่เต็มไปด้วยการจัดระเบียบตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ซึ่งแทบไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ การจัดระเบียบห้องนอน แบบจริงจังที่ได้ผลเลย
  • คำแนะนำที่ไร้ประโยชน์ เช่น การมีโต๊ะข้างเตียง ห้องนอนของคนส่วนใหญ่มีขนาดไม่ใหญ่ไม่เพียงพอที่จะรองรับโต๊ะข้างเตียง ห้องนอนมีไว้สำหรับนอน การมีเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการเปลืองพื้นที่โดยใช่เหตุ เว้นแต่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กและคุณจำเป็นต้องจัดระเบียบพื้นที่ของคุณอย่างจำกัด
  • คำแนะนำที่เน้นการตกแต่งเพื่อความสวยงามมากเกินไป ซึ่งไม่มีคำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับการจัดห้องนอนที่ถูกต้อง

เคล็ดลับการจัดห้องนอนของเราที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ มุ่งเน้นไปที่ การตัดความยุ่งเหยิงในการจัดสรรพื้นที่ขนาดเล็ก หรือการจัดห้องที่มีพื้นที่จํากัด เพื่อให้มีความคล่องตัวและสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบในห้องของคุณ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้จริงทั้งกับห้องขนาดใหญ่และขนาดเล็ก

1. ใช้พื้นที่ใต้เตียงของคุณอย่างชาญฉลาด

ใต้เตียงเป็นพื้นที่เก็บของที่ดี เพราะมันสามารถซ่อนสิ่งของจากการมองเห็นด้วยสายตาของเราได้และยังเข้าถึงได้ง่าย คุณสามารถเลือกที่จะจัดเก็บสิ่งของที่มีขนาดพอเหมาะไม่กี่ชิ้นไว้ที่ใต้เตียง เช่น ห่อของขวัญ ชุดที่นอนเสริมในห้องของผู้ใหญ่และกล่องของเล่นในห้องของเด็ก หรือคุณอาจจะวางแผนจัดทำตู้เสื้อผ้าแบบใต้เตียงไว้ด้วยก็ได้

2. งานศิลปะบนกำแพง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคุณมีห้องขนาดเล็ก ลองติดโปสเตอร์หรืองานศิลปะของคุณบนผนัง แทนที่จะติดมันบนตู้เสื้อผ้า รักษาช่องว่างระหว่างวัตถุให้ชัดเจน ห้องของคุณจะดูกว้างและคล่องตัวขึ้น

3. ลดการใช้งานพื้นที่แนวตั้ง ด้วยการจัดระเบียบเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญ

จัดระเบียบเฟอร์นิเจอร์ของคุณ โดยคำนึงถึงพื้นที่ในการจัดเก็บเป็นลำดับแรก เหลือไว้เพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญ เช่น ตู้เสื้อผ้าใต้เตียง โต๊ะเครื่องแป้งที่มีลิ้นชัก อื่น ๆ

4. ควบคุมพื้นที่ตู้เสื้อผ้าของคุณ

ควบคุมการใช้งานพื้นที่ภายในตู้เสื้อผ้า ในห้องของคุณให้ดี ไม่ควรเก็บของจนล้นหรือจนเกินการควบคุม หากมีเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้งาน คุณควรมีการจัดการกับพวกมันอย่างเหมาะสมจะทำให้คุณมีพื้นที่การจัดเก็บที่มากขึ้น

5. ราวแขวนผ้า

หากคุณมีเสื้อคลุมหรือผ้าพันคอจำนวนมากที่คุณใช้เป็นประจำ และหากคุณยังมีพื้นที่ว่างในห้องเหลืออยู่ ลองพิจารณาการใช้ราวแขวนผ้าดูสิ

6. ตะกร้าสำหรับหมอนอิง

หมอนอิงทำให้เตียงนอนของคุณมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่มันอาจจะกินพื้นที่บนเตียงของคุณในบางครั้งคราว ลองใช้ตะกร้าเพื่อเก็บหมอนอิงเหล่านี้เมื่อคุณต้องการใช้เตียงนอนเพียงอย่างเดียว

7. ใช้โต๊ะขนาดเล็กที่เหมาะสม

หากคุณมีความจำเป็นที่ต้องมีโต๊ะในห้องของคุณ โปรดเลือกรูปแบบโต๊ะให้เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด และกินพื้นที่น้อยที่สุด เช่น โต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็กที่มีลิ้นชักหรือพื้นที่ให้คุณสามารถเก็บของชิ้นเล็กได้เพิ่มเติม เป็นเคล็ดลับที่ช่วยประหยัดพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม

8. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีตะกร้าผ้าในห้องนอน

ไม่ว่าจะอยู่ในตู้เสื้อผ้า ข้างตู้เสื้อผ้าหรือใกล้กับตู้เสื้อผ้า ตะกร้าผ้าจะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณไม่กระจายไปทั่วห้อง คุณสามารถเลือกใช้ตะกร้าผ้าที่มีลักษณะที่เหมาะสมกับสไตล์การตกแต่งห้องของคุณหรือเพียงแค่ใช้ตะกร้าผ้าแบบพื้นฐานทั่วไปก็ได้

9. ถังขยะขนาดเล็ก

ถังขยะขนาดเล็กเหมาะแก่การถูกมีไว้ในห้องนอน เมื่อคุณต้องการที่จะทิ้งเศษกระดาษชิ้นเล็ก ๆ หรือเศษฝุ่นจากการกวาดพื้น

CR : https://basedonbuild.com/bedroom-organization-tips/

Categories
บทความ

9 ไม้มงคล ปลูกไว้ประดับบ้าน เสริมโชคลาภ

ต้นไม้มงคล ดอกไม้มงคล สำหรับเสริมสิริมงคลและโชคลาภ ตามความเชื่อ นั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด ในวันนี้เราได้คัดสรร ไม้มงคล บางส่วน ที่สามารถปลูกและดูแลรักษาได้ง่ายในเมืองร้อนอย่างประเทศไทยของเรา มาแนะนำให้กับคนรักบ้านอย่างคุณได้เลือกไปปลูกตามความชื่นชอบ

1. ต้นวาสนา

ต้นวาสนา

“มอบโชคลาภแก่ผู้ปลูก เสริมวาสนา เกิดความสมหวัง ความสุข”, เป็นไม้เสี่ยงทาย หากสามารถปลูกได้เติบโตแข็งแรงและออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ สมความปรารถนาในสิ่งที่หวัง

2. ว่านรางเงิน

ว่านรางเงิน

มีความเชื่อที่ว่า หากปลูกไว้บริเวณหน้าบ้าน “จะทำให้ค้าขายรุ่งเรือง”

3. ต้นแก้ว

ต้นแก้ว

ไม้มงคล ที่นิยมปลูกกันมาก เนื่องจากดอกของต้นแก้วมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ, เมื่อปลูกแล้ว “ส่งผลให้มีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจ”

4. ต้นโป๊ยเซียน

ต้นโป๊ยเซียน

โป๊ยเซียนหรือมงกุฏหนาม “นำความอยู่เย็นเป็นสุขและโชคลาภมาให้แก่ผู้ปลูก“, จะเป็นมงคลมากยิ่งขึ้นหากสามารถปลูกให้ออกดอกได้ 8 หรือ 16 ดอก

5. ต้นดาวเรือง

ต้นดาวเรือง

อีกหนึ่ง ไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกกันมาก ด้วยชื่อที่เป็นมงคลและสีเหลืองทอง “เสริมความเจริญก้าวหน้าของชีวิตและเงินทอง”

6. ต้นนางกวัก

ต้นนางกวัก

เหมือนกับนางกวัก “กวักเงิน กวักทอง กวักโชลาภและสิ่งดี ๆ เข้าสู่บ้าน” นิยมปลูกเอาไว้ติดสวนนอกจากมีความเป็นมงคลแล้ว ยังมีความสวยงามอีกด้วย

7. ต้นชวนชม

ต้นชวนชม

ช่วยให้ผู้ปลูก “มีความนิยมชมชอบ เสริมสร้างเสน่ห์”

8. ว่านมหาลาภ

ว่านมหาลาภ

“เมตตามหานิยม ชักนำให้เกิดลาภแบบทวีคูณ” มักปลูกคู่กับว่านมหาโชค เป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากปลูกได้งอกงามดี ออกดอกดกดี ผู้ปลูกมักจะได้ลาภจากการเสี่ยงโชคเสมอ ในทางกลับกันหากต้นอับเฉาไม่ออกดอกเป็นลางบอกเหตุว่าจะอับโชคหรือเสียทรัพย์

9. ต้นสาริกาลิ้นทอง

ต้นสาริกาลิ้นทอง

สาลิกาลิ้นทองหรือไทรใบโพธิ์หัวกลับ “ช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ด้านการพูดจา ทำมาค้าขายดี”

CR : https://basedonbuild.com/fortune-ornamental-trees/

Categories
บทความ

10ปัญหายอดฮิต!!พบบ่อยในการตรวจรับคอนโด

อสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือคอนโดมิเนียม นั้นส่วนใหญ่ของงานก่อสร้างเป็นปัญหาใหญ่ที่เจอเกือบทุกๆโครงการและเป็นปัญหาซ้ำๆ ซึ่งพอจะสรุปได้เป็น 10 ข้อดังนี้

1. เข้าสายไฟ Line – Neutral ของปลั๊กไฟสลับกัน

แนวทางแก้ไข: ถอดปลั๊ก Out Let ออก แล้วสลับการเข้าขั้วสายที่หลังปลั๊กให้ถูกต้อง (ด้านหลังของปลั๊กจะมีรหัสระบุขั้วสายแสดงไว้)

2. ไม่ร้อยท่อสายไฟฟ้า (สายTHW.) ส่วนที่อยู่เหนือฝ้าเพดาน

แนวทางแก้ไข: ถอดขั้วสายไฟออกจากอุปกรณ์แล้วร้อยท่อสายไฟให้เรียบร้อย ถ้าความยาวสายไฟไม่เกิน 1.50 เมตร สามารถร้อยท่ออ่อน (Flex) ได้แต่ความยาวเกิน 1.50 เมตร ให้ร้อยโดยท่อชนิดแข็ง

3. เชื่อมต่อขั้วสายโทรศัพท์ที่ปลั๊ก Out Let ไม่ถูกต้อง

แนวทางแก้ไข: ถอดปลั๊ก Out Let โทรศัพท์ออกแล้วทำการเชื่อมต่อขั้วสายใหม่ให้ถูกต้อง

4. ไม่มีการปิดฝา Junction Box จุดต่อสายไฟฟ้า

แนวทางแก้ไข: เปิดช่อง Service ฝ้าเพดานแล้วปิดฝา  Junction Box จุดต่อสายไฟฟ้าให้เรียบร้อย แต่ถ้าจำนวนสายภายใน Junction มีมากเกินไป จะเกิดความร้อนต้องทำการต่อ junction Box ซ้อนกันเพื่อระบายความร้อน

5.ไม่ทาสีน้ำมันป้องกันน้ำและความชื้นของท้องบานหรือสันบานประตูห้องน้ำ

แนวทางแก้ไข: ทาสีน้ำมันป้องกันน้ำและความชื้นที่บริเวณท้องบานและสันประตูให้เต็ม

6. ขอบพื้นลามิเนตยุบตัว หรือโก่งตัวพื้นไม่ได้ระดับ

แนวทางแก้ไข: รื้อบัวเชิงผนังแล้วรื้อถอดแผ่นพื้นลามิเนต แล้วจึงปรับพื้นคอนกรีตที่รองรับแผ่นพื้นไม้ลามิเนตให้ได้ระดับ แล้วจึงปูแผ่นพื้นลามิเนตกลับเข้าไปใหม่

7. กระเบื้องพื้น – ผนัง ล่อน

ปูยึดกระเบื้องพื้น – ผนังไม่แน่น

แนวทางแก้ไข: – กรณีล่อนกลางแผ่น ต้องรื้อเลาะแผ่นกระเบื้องเพื่อปูกระเบื้องแผ่นใหม่

– กรณีล่อนมุมแผ่นกระเบื้อง ถ้ากระเบื้องปูเว้นร่องห่างให้เลาะยาแนว แล้วฉีดอัดน้ำปูนเข้าใต้                     แผ่นกระเบื้องให้เต็ม

8. ระดับท้องบานประตูห้องพักสูงจากระดับพื้นมากเกินไป

แนวทางแก้ไข: – เปลี่ยนบานประตูใหม่

– ถอดบานประตูออกแล้วทำการต่อท้องบานประตูใหม่

– ใช้แผ่นติดกันแมลงติดใต้ท้องบานประตู

9. มีน้ำขังที่พื้นห้องน้ำ หรือพื้นระเบียงเนื่องจากการปรับระดับลาดเอียงของพื้นไม่ได้มาตรฐาน

แนวทางแก้ไข: รื้อแผ่นกระเบื้องเดิมออก แล้วปูปรับ Slope กรเบื้องเดิมออก แล้วปูปรับ Slope กระเบื้องพื้นใหม่

10. ระบบน้ำดีและน้ำทิ้งรั่วที่สุขภัณฑ์หรือชุดครัว

แนวทางแก้ไข: เชื่อมต่อระบบท่อและสุขภัณฑ์ใหม่ หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ใหม่ หากชุดอุปกรณ์มีการชำรุด

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/10ปัญหายอดฮิต__พบบ่อยในการตรวจรับคอนโด-blog.aspx

Categories
บทความ

4 TIPS ต่อเติมบ้านไม่ให้ทรุด!!

การทรุดตัวของบ้าน ปกติแล้วย่อมมีการทรุดตัวเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งจะทรุดเพียงเล็กน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่และระยะเวลา แต่หากมีการต่อเติมเพิ่มเข้าไปนั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาการทรุดตัวที่เร็วและมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นควรมีการต่อเติมแบบถูกต้อง ระมัดระวังตัวบ้านให้มากที่สุด เพื่อช่วยชะลอการทรุดตัว หรือ แทบไม่ทรุดเลย

1. ต่อเติมโดยแยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน

สำหรับการต่อเติมนั้น Infinity Design ผ้าม่าน แนะนำให้แยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน ไม่ใช้ผนังเดียวกัน หรือไปฝากไว้กับตัวบ้านเดิม เพราะหากเกิดการทรุดตัว ในส่วนที่ต่อเติมจะดึงรั้งกับตัวบ้านเดิม ทำให้มีการฉีกขาดนั้นเอง

อีกทั้งในส่วนของรอยต่อ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ฉะนั้นควรมีขั้นตอนการทำที่ถูกวิธี อาทิ ใช้โฟมกั้นระหว่างรอยต่อ ก่อนทำการยาแนวด้วย PU หรือ Silicone เป็นต้น

2. ลงเสาเข็มถึงชั้นดินแข็ง

ในส่วนของการต่อเติมนั้น การลงเสาเข็มถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยลดการทรุดตัวได้ในระดับหนึ่งหรือแทบไม่ทรุดเลย โดยบริเวณใต้ดินหลักๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือชั้นดินอ่อน และชั้นดินแข็ง

ซึ่งการลงเสาเข็ม หากเป็นไปได้แนะนำให้ลงยาวถึงชั้นดินแข็ง เนื่องจากชั้นดินแข็งจะให้ความมั่งคงมากกว่าชั้นดินอ่อนนั้นเอง แต่หากลงยาวไม่ถึงชั้นดินแข็งหรือไม่เท่าเสาเข็มของตัวบ้าน ก็ควรลงเสาเข็มให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือใช้เสาเข็มแบบ Micro Pile ซึ่งสะดวกในการต่อเติมและให้ความแข็งแรง มั่นคง

อีกทั้งการลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา และ มีการวางที่กระจาย โดยให้น้ำหนักเท่าๆ กันทั่วห้อง ก็จะช่วยลดการทรุดหรือเอียงในส่วนที่ต่อเติมได้เช่นกัน

3. ไม่ใช้เสาเข็มร่วมกับตัวบ้าน

สำหรับในข้อนี้จะคล้ายๆ ในส่วนของข้อที่ 1 คือ การต่อเติมควรแยกโครงสร้างออกจากตัวบ้าน รวมไปถึงเสาเข็มด้วยเช่นกัน เพราะหากลงเสาเข็มเพียงด้านเดียว ส่วนอีกด้านนำไปฝากไว้กับตัวบ้าน หรือใช้เสาเข็มร่วมกับตัวบ้าน จะก่อให้เกิดความเสียหากได้ง่าย

เนื่องจากการลงเสาเข็มในส่วนที่ต่อเติม ส่วนใหญ่แล้วจะลงสั้นกว่าเสาเข็มของตัวบ้าน ซึ่งเมื่อเกิดการทรุดจะทำให้ในส่วนของการต่อเติมเอียงและไปดึงรั้งกับตัวบ้าน จนทำให้เกิดการฉีกขาด เสียหายนั้นเอง

4. เลือกผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องการต่อเติม

การต่อเติมบ้าน ถือเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ เพราะเราต้องอยู่กับมันไปอีกนาน ฉะนั้น การเลือกผู้รับเหมาควรเลือกที่มีประสบการณ์ และมีความรู้ในเรื่องของการต่อเติม เพื่อให้ได้ทั้งในเรื่องของคุณภาพ ความสวยงาม และช่วยชะลอการทรุด

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/4_tips_ต่อเติมบ้านไม่ให้ทรุด-blog.aspx

Categories
บทความ

ทำความรู้จัก”กระเบื้อง”แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อ

มาทำความรู้จัก”กระเบื้อง”แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อจะได้ถูกประเภท ถูกใจ สวยงามตามท้องเรื่อง><

1.กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tile)

เป็นกระเบื้องที่มีทั้งแบบเคลือบและไม่เคลือบ หรือจะบอกว่า กระเบื้องเซรามิคก็คือกระเบื้องดินเผา หรือบางคนก็จะเรียกว่ากระเบื้องเคลือบก็ได้ ที่สำคัญกระเบื้องเซรามิกยังมีหลายสี

คุณสมบัติ: จะมีความแข็งแรง ทนทาน ดูแลรักษาง่าย แต่ไม่ทนต่อรอยขีดข่วน พื้นผิวแข็งแต่ลื่นเมื่อเปียกน้ำ วัสดุประเภทนี้มีให้เลือกหลายหลายขนาด สี และรูปทรง สามารถปูบนพื้นคอนกรีตหรือพื้นไม้ได้โดยใช้กาวติดกระเบื้องยึด ปัจจุบันนิยมนำมาใช้ปูพื้นในห้องครัว และห้องน้ำเป็นต้น

ข้อเสียของกระเบื้องเซรามิก : แบบเคลือบเวลาเปียกน้ำมักมีความลื่นและดูดซึมน้ำสูง และถ้าหากรื้อถอนแล้วไม่สามารถนำมาปูใหม่ไม่ได้ แถมยังไม่เหมาะกับพื้นที่ๆต้องรับน้ำหนักเยอะ Tip : ถ้านำมาใช้ในห้องน้ำแนะนำให้เลือกด้าน เวลาโดนน้ำหรือสบู่จะได้ไม่ลื่นป้องกันไว้ก่อนดีที่สุด

2.กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ (Glazed Porcelain Tile)

กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ ถือว่าเป็นกระเบื้องเคลือบชนืดหนึ่ง มีส่วนประกอบของ ดินขาว ผ่านกระบวนการผสมกับแร่อื่นๆ เช่น หินเขี้ยว หนุมาน ดินดำ ไชน่าสโตน และแร่หินฟันม้า เป็นต้น เมื่อนำไปเผาในอุณหภูมิประมาณ 1300 องศา ก็จะได้เนื้อที่สามารถนำไปขึ้นรูปได้ทั้งกระเบื้องปูพื้น งานเซรามิก อื่นๆได้

คุณสมบัติ: ลักษณะเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อการขูดขีด และยังมีค่าการดูดซึมน้ำต่ำ เพียง 0.05% หรือไม่มีการดูดซึมน้ำเลยก็ว่าได้ เหมาะสำหรับการติดตั้งทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกของอาคารที่ผู้คนเดินผ่านบ่อยๆ อาทิ พื้นห้างสรรพสินค้า พื้นโถงโรงแรม เป็นต้น หรือจะใช้ในการปูผนังก็ได้เช่นกัน

3.กระเบื้อง แกรนิตโต้ (Granito Tile)

แกรนิตโต้ หรือ กระเบื้องแกรนิตโต้ คือกระเบื้องเซรามิคชนิดหนึ่งที่เป็นหินแกรนิตเทียม มีส่วนผสมของผงหินแกรนิต แล้วนำไปผ่านการเผาด้วยความร้อนสูง แข็งแรงเทียบเท่าหินแกรนิต และถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่ากระเบื้องเซรามิคชนิดอื่นๆ

ลักษณะพื้นผิวมันวาว แกรนิโต้เป็นกระเบื้องที่ไม่มีการเคลือบสี มีเนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ดังนั้นเมื่อถูกกระเทาะจะ สังเกตได้ว่าเนื้อที่ผิวหน้ากับเนื้อด้านในจะเป็นสีเดียวกัน

คุณสมบัติ: แข็งแรง และทนทานต่อการขีดข่วน เปอร์เซ็นต์การดูดซึมน้ำต่ำมาก เป็นกระเบื้องที่มีคุณสมบัติการรับน้ำหนักได้สูงเหมือนกับ กระเบื้องเกลซพอร์ซเลนด์ เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรทั่วไป

4.กระเบื้องดินเผา (Earthenware Tile)

กระเบื้องดินเผา ถือว่าเป็นกระเบื้องที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่โบราณจนถึงในปัจจุบัน ใช้ทั้งปูหลังคาและปูพื้นบ้าน ให้ความ Classic และให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ

คุณสมบัติ: กระเบื้องดินเผามีความใกล้เคียงดินมากกว่าหิน ซึ่งอาจแตกหัก ผุกร่อนได้ง่าย และผิวค่อนข้างด้าน แต่ข้อดีคือราคาไม่แพงแต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเกรดของกระเบื้องแต่ละแบบด้วย แถมไม่ลื่นถ้าไม่มีตะไคร้น้ำเกาะ ระบายความชื้นแลความร้อนได้ดี ทำให้อมความร้อนไว้ไม่นาน

ข้อเสียของกระเบื้องดินเผา : ดูดซับความชื้นได้ดีเกินไปถ้าช่างปูกระเบื้องไม่ดี ไม่เว้นระยะห่างต่อแผ่นไม่มากพออาจทำให้กระเบื้องบวมและแตกได้ มีความแข็งแรงน้อยมากเมื่อเทียบกับกระเบื้องชนิดอื่นๆ ทำความสะอาดยากและสกปรกง่ายจึงไม่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดเท่าไหร่

5.กระเบื้องโมเสค (Mosaic Tile)

กระเบื้องโมเสค เป็นกระเบื้องขนาดเล็ก ที่ถูกออกแบบมาใช้งานหลายรูปแบบ รวมไปถึงใช้ในงานตกแต่งอีกด้วย บริเวณที่ใช้งานโมเสคมีหลายบริเวณ มีทั้ง ผนังห้องน้ำ ห้องครัว และสระว่ายน้ำเป็นต้น แต่ถ้าติดในครัวหากน้ำมันไปโดนย่อมมีคราบมันอย่าลืม
คุณสมบัติ: เนื้อเป็นแก้วใส ไม่เหมือนพลาสติก มีความแข็งแรง มันวาว ทนทานและสีไม่ตก ทำความสะอาดง่ายเนื้อสีของกระเบื้องสดใส ดูดซึมน้ำต่ำ ไม่นิยมนำมาปูพื้นบ้านเพราะแผ่นเล็กและมีราคาสูงนั้นเอง

ข้อเสียของกระเบื้องแก้ว : ความแข็งแรงทนทานน้อยกระเบื้องทั่วไปอย่างกระเบื้องเซรามิกจึงไม่เหมาะกับการปูพื้นบ้านหรือทางเดินหรือที่ๆต้องรับน้ำหนักเยอะเพราะอาจแตกหักได้ง่าย ที่สำคัญทำความสะอาดยากโดยเฉพาะบริเวณร่องยาแนวที่เยอะทุกตรางนิ้ว

6.กระเบื้องแก้ว (Glass Tile)

กระเบื้องแก้ว จะมีความมันวาว เนื้อโปร่งแสง มีทั้งแบบแผ่นและแบบโมเสคเม็ดเล็ก โดยส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมคือกระเบื้องแก้วที่เป็นแบบโมเสค มีลักษณะคล้ายกับกระเบื้องโมเสคแต่เคลือบแก้วทับลวดลายลงไปทำเกิดความมันวาว สีสันสดใส

คุณสมบัติ: กระเบื้องแก้วมีอัตราการดูดซับความชื่นต่ำ เหมาะกับการติดผนัง ช่วยให้พื้นผนังห้องดูสวยงามมากยิ่งขึ้น นิยมใช้ปูในพื้นที่แคบๆ ไม่นิยมปูในพื้นที่กว้างๆ เพราะกระเบื้องชิ้นเล็กปูยากและราคาค่อนข้างสูง

ข้อเสียของกระเบื้องแก้ว : เหมือนกับกระเบื้องโมเสคที่กล่าวมาในข้างต้นเลยที่บอกว่าไม่ควรปูพื้นเนื้องจากรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้น้อย

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/ทำความรู้จัก_กระเบื้อง_แต่ละประเภทก่อนเลือกซื้อ-blog.aspx

Categories
บทความ

4 โทนสี ที่ช่วยให้ “ห้อง” ดูกว้างขึ้น

1. โทนสี Swirling Smoke หรือ สีเทาอ่อน

หากพูดถึงโทนสีเทา เพื่อนๆ หลายคนก็จะมองว่าเป็นโทนสีที่ดูแล้วมืด ไม่สบายตา แต่ทั้งนี้โทนสีเทานั้น ก็มีหลายหลายเฉดสีให้ได้เลือกใช้ หากเลือกเป็นโทนสีที่อ่อนลงอย่างโทนสีเทาอ่อน ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น อีกทั้งยังทำให้ภายในห้องรู้สึกกว้างขึ้นอีกด้วย

2. โทนสี Cloud White หรือ สีขาวครีม

มาต่อกันด้วยโทนสีขาวครีมกันบ้าง ซึ่งเป็นโทนสีที่ใกล้เคียงกับโทนสีขาว ฉะนั้นสามารถช่วยให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นได้กันอย่างแน่นอน และด้วยตัวของโทนสีที่ออกเป็นโทนสีครีม จึงทำให้ภายในห้องได้บรรยากาศของความอบอุ่นอีกด้วย โดยส่วนใหญ่จะนิยม นำไปตกแต่ง บริเวณห้องนั่งเล่น และห้องนอน

3. โทนสี Sweet Dreams หรือ สีฟ้า

ถือเป็นอีกหนึ่งโทนสีที่ได้รับความนิยมกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับโทนสีฟ้า ถือเป็นโทนสีที่สื่อถึงความสงบ ปลอดโปร่ง ความเป็นอิสระ และช่วยทำให้เรารู้สึกใจเย็นมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงทำให้ภายในห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย

4. โทนสี Skylight หรือ สีฟ้าอมเทา

มาถึงโทนสีสุดท้ายกันแล้ว Infinity Design ผ้าม่าน แนะนำโทนสีฟ้าอมเทา ถือเป็นอีกหนึ่งโทนสีที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ช่วยทำให้ภายในห้องรู้สึกกว้างขึ้น ซึ่งการตกแต่งด้วยโทนสีนี้จะได้ทั้งความสดใสนิดๆ ที่มาพร้อมกับความโมเดิร์นในเวลาเดียว และสามารถนำไปตกแต่งได้อย่างหลากหลายสไตล์

CR : http://www.dfineconsultant.com/blog/4_โทนสี_ที่ช่วยให้__ห้อง__ดูกว้างขึ้น-blog.aspx

Categories
บทความ

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

สำหรับใครที่คิดจะซื้อบ้าน นอกจากจะเลือกบ้านให้ตรงกับงบประมาณและเจียดเงินออกมาสำหรับการตกแต่งภายในแล้วก็อย่าลืมเผื่อค่าใช้จ่ายไว้สักนิดเพื่อมาเติมแต่งระเบียงบ้านของเราให้สวยงาม เพราะนอกจากสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามาแล้วเห็นระเบียงบ้านทั้งชั้นล่างชั้นบนมีความสวยงามบ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้านได้แล้ว ระเบียงบ้านที่ทำการตกแต่งไว้นี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในบ้านได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากคุณคิดที่จะตกแต่งระเบียงบ้านไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ เรามี 3 ไอเดียดีดีในการเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ โดยจะมีไอเดียอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

1. ไอเดียตกแต่งระเบียงบ้านให้สอดคล้องกับพื้นที่

balcony-decorating-ideas-28-573c3b3b31786__700

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

การจะตกแต่งออกแบบพื้นที่ใดๆ ภายในบ้านคุณจำเป็นต้องกำหนดฟังก์ชันหลักๆ ของพื้นที่นั้นๆ ก่อน หากจะตกแต่งระเบียงบ้านก็ต้องมาดูว่าระเบียงบ้านของเราอยู่ตำแหน่งไหนภายในบ้าน พื้นที่ใช้สอยเล็กใหญ่แค่ไหน และวางแผนการตกแต่งให้ระเบียงบ้านนั้นตอบโจทย์คนในบ้านและสอดคล้องกับพื้นที่ที่ตั้งอยู่ อาทิ ถ้าระเบียงอยู่หลังบ้านก็ควรตกแต่งให้เป็นมุมที่หลีกหนีความวุ่นวาย หากระเบียงบ้านพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ภายในบ้านมีลูกเล็กเด็กแดงอยากปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เด็กเล่นก็สามารถตกแต่งเป็นมุมของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือ ระเบียงตั้งอยู่ทางหน้าบ้านเป็นหน้าเป็นตาของบ้านก็สามารถทำบ่อปลา ทำน้ำตก ตกแต่งบ้านให้สวยงามเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนนอกบ้านได้ เป็นต้น ซึ่งก็ต้องดูให้ดีว่าพื้นที่ของระเบียงบ้านนั้นอยู่ส่วนใดของบ้าน มีพื้นที่กว้างขนาดไหนและปรับให้เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้งาน

2. ไอเดียการเปลี่ยนระเบียงบ้านให้ใช้งานได้หลากหลาย

aafb2f2f94620473b3e697952bc6a9e9

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

ไอเดียการปรับเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เหมาะกับการใช้งานเป็นจุดๆ ไปถือว่าเป็นไอเดียที่ดีมากแล้ว แต่การผสมผสานปรับเปลี่ยนตกแต่งระเบียงบ้านให้ใช้งานได้หลากหลายก็ถือเป็นไอเดียที่ดีกว่า โดยถึงแม้ระเบียงของคุณจะเล็กมากก็ตาม แต่ก็ยังสามารถตกแต่งให้ระเบียงบ้านรองรับกิจกรรมได้หลายอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่การผสมผสานไอเดียให้ระเบียงบ้านสามารถตอบโจทย์การใช้งานหลายรูปแบบนั้น เจ้าของบ้านมักจะเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เป็นสวนสวยด้วยผักสวนครัว และวางโต๊ะจิบกาแฟทำเป็นมุมอ่านหนังสือไปด้วย  อีกทั้งยังสามารถปลูกผักกินเอง และสอนลูกหลานให้เรียนรู้ไปกับการเล่นดินเล่นทรายปลูกผักสวนครัวได้ไปในตัวด้วย ซึ่งไอเดียนี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกจากจะตอบโจทย์การใช้งานได้หลายรูปแบบแล้ว ยังช่วยประหยัดงบประมาณการใช้การกินลงไปได้เยอะเลยในยุคที่ข้าวยากหมากแพง

3. ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้เป็นฟังก์ชันของพื้นที่ใหม่ภายในบ้าน

maxresdefault

3 ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้านให้สวยได้ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก

ไอเดียนี้อาจจะใช้งบในการตกแต่งระเบียงมากกว่าไอเดียอื่นๆ แต่สิ่งที่ได้กลับมารับรองว่าคุ้มค่ามากๆ จากไอเดียการปรับเปลี่ยนระเบียงให้กลายเป็นพื้นที่ใหม่ที่ไม่เคยมีในบ้านมาก่อน หรือ ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของห้องต่างๆ ภายในบ้าน ย้ายออกมาในส่วนนี้ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศและช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ไอเดียการเปลี่ยนระเบียงแบบนี้มักจะเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยของระเบียงให้เป็นห้องครัวเปิด หลายคนอาจจะทำการต่อเติมกันสาดหรือหลังคายื่นออกมา หรือ ทำเป็นครัวแบบ oUTDOOR เพื่อเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นครัวอเนกประสงค์สามารถทำทั้งครัวหนัก ครัวเบา หรือ จัดปาร์ตี้ BBQ ได้ โดยทั้งนี้หากอยากจะให้พื้นที่ของระเบียงบ้านมีส่วนร่วมกับตัวบ้านก็สามารถยกระดับระเบียงให้สูงขึ้นมาให้เท่าตัวบ้านด้วย Desk ไม้หรือทำโครงสร้างขึ้นมาใหม่ โดยมีส่วนกั้นเป็นบานกระจกใสก็จะช่วยให้พื้นที่ในบ้านกับระเบียงบ้านสามารถเชื่อมต่อกันได้

ไม่น่าเชื่อว่าระเบียงบ้านจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบและตกแต่งให้เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คนในครอบครัวได้หลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ คุณลูก ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่รวมทุกคนในครอบครัวไว้ด้วย โดยทั้งนี้การปรับเปลี่ยนระเบียงด้วยไอเดียต่างๆ เหล่านี้ออกมาให้ตอบโจทย์ก็ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ งบประมาณ และการใช้งานเป็นหลักด้วย

CR : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/2/168834/3-ไอเดียเปลี่ยนระเบียงบ้

Categories
บทความ

3 เทคนิค ตกแต่งห้องนอนลูกด้วยงบจำกัด

อย่างที่ทราบกันดีว่า “ห้องนอน” ถือเป็นอีกห้องที่สำคัญอันดับต้นๆ ของบ้านที่ควรใส่ใจทั้งในเรื่องของการเลือกตำแหน่งที่เหมาะสม หรือแม้กระทั่งการตกแต่งให้สวยงามเหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ห้องนอนของคนที่โตแล้วเท่านั้นที่ควรใส่ใจ ยิ่งเป็นห้องนอนเด็กยิ่งควรตรวจตราให้ละเอียดอย่างยิ่ง 

การตกแต่งห้องนอนของเด็กต้องทำให้เขารู้สึกปลอดภัย สะดวกสบาย และมีความสุขเมื่อได้เข้าไปอยู่ในห้อง เตียงนอนในห้องก็ควรจะเป็นดั่งสวรรค์ของพวกเขา เหมือนกับเตียงในห้องนอนของคุณ เตียงของเขาควรจะเป็นที่ให้เขาผ่อนคลาย เป็นตัวของพวกเขาเองได้อย่างเต็มที่ และหลับได้อย่างสบายไร้กังวล ดังนั้นการตกแต่งห้องนอนเด็กที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เขาหรือลูกน้อยของคุณมีห้องนอนที่วิเศษที่สุด

เลือกสีที่เหมาะสมกับห้องนอนเด็ก 

การเลือกสีต่างๆ เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการตกแต่งห้องนอนลูก แม้ว่าคุณอยากจะตกแต่งห้องนอนลูกให้มีสีสันสดใสสำหรับลูกผู้น่ารักและร่าเริง แต่คุณควรเลี่ยงการใช้สีที่สว่างหรือแสบตามากเกินไป เช่น สีนีออนต่างๆ เพราะหากสีสันสว่างตามากๆ จะรบกวนการนอนของลูกคุณได้

แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าลูกน้อยของคุณชอบสีเขียวมะนาว แล้วห้องนอนของเขาจะมีสีเขียวมะนาวไม่ได้เลย คุณสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งห้องบางชิ้นที่เป็นชิ้นเล็กๆ ที่เป็นสีเขียวมะนาวได้ เช่น หมอน หูลิ้นชักโต๊ะ หรือส่วนหนึ่งของเตียงหรือม่าน

หากคุณไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกใช้สีไหนกับสีไหนให้ดูเข้ากันดี ลองมองหาไอเดียแต่งบ้านเก๋ๆ จากนิตยสารแต่งบ้าน ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ หรือจะลองใช้สีเบสิกดูก็ได้ สีที่ดีที่สุดในการตกแต่งห้องนอนลูก คือ เหลือง ฟ้า เขียว ชมพู สีโทนธรรมชาติและพาสเทล สีที่ควรเลี่ยง คือ ดำ เทา สีนีออนต่างๆ และสีส้มจัด

หาที่เก็บของมาไว้ในห้องนอนเด็ก
แม้ว่าตัวต่อเลโก้หรือตุ๊กตาบาร์บี้ รวมถึงชิ้นส่วนของเล่นต่างๆ จะเป็นของเล่นที่ช่วยพัฒนาทักษะและจินตนาการของลูกน้อยได้อย่างเฉลียวฉลาด แต่ของเล่นเหล่านี้มักมาในรูปแบบชิ้นเล็กๆ เกลื่อนไปหมด ทำให้ยากต่อการจัดการ แต่อันที่จริงแล้วที่เก็บของเล่น เครื่องประดับผม อุปกรณ์วาดรูป อุปกรณ์กีฬา และของต่างๆ ของลูกนั้นทั้งราคาถูก และง่ายดายในการหาเสียจนน่าตกใจ แล้วคุณยังสามารถนำมาช่วยตกแต่งห้องนอนลูกให้น่ารักและมีสไตล์ได้มากขึ้นอีกด้วย เริ่มแรก

• แยกของเล่นและชิ้นส่วนต่างๆ ให้เป็นสัดส่วน เช่น ตัวต่อ อุปกรณ์วาดรูป และบล็อกต่างๆ
• ทิ้งของเล่นที่มีชิ้นส่วนที่แตกหรือใช้การไม่ได้เมื่อมีบางส่วนหายไป
• บริจาคบางสิ่งที่ไม่ใช้แล้ว (แต่คุณภาพยังดี และใช้การได้ปกติ)

Horizontal view of mess in kids room

หลังจากที่แยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลองมองหากล่องใส่ของ หรือถังใส่ของที่มีหลายๆ สีตามแผนกของตกแต่งบ้านในห้างสรรพสินค้ามาใส่ของพวกนี้ตามแต่ละประเภท คุณยังสามารถใช้ถาดไม้ราคาไม่แพงมาก (ที่ทาสีสวยๆ ไว้แล้ว) ตะกร้าเสื้อผ้า ตะกร้าหวาย กล่องที่มีลายสวยๆ หรือกระเป๋าใส่ของนุ่มๆ มาใส่ของเล่นของลูกก็ได้

เมื่อรวมเอาสิ่งที่ใช้ใส่ของเล่นของลูกทั้งหมดเข้าไปในห้องนอนลูก ลองจัดวางให้มองเห็นง่ายและหยิบจับง่ายเข้าไว้ กล่องหรือบรรจุภัณฑ์ชิ้นไหนที่มีขนาดใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีฝาปิด และทุกอย่างควรหยิบเข้าหยิบออกได้ง่าย ยิ่งจัดวางไว้ให้เขาหยิบหรือเก็บของได้ง่ายมากขึ้นเท่าไร เขาก็จะมีนิสัยเก็บของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น

เลือกเครื่องนอนและสิ่งของบนเตียงอย่างชาญฉลาด
ลูกของคุณคงจะร้องขอให้ห้องนอนทั้งห้องของเขาเต็มไปด้วยลายการ์ตูนต่างๆ แต่คุณต้องระมัดระวังไม่ใช้จ่ายในส่วนนี้มากจนเกินไป แทนที่จะติดวอลเปเปอร์บนผนังห้องที่ราคาแพงมากในห้องนอนของเขา ลองเปลี่ยนมาเป็นผ้าม่าน ชุดเครื่องนอน หรือแม้กระทั่งผ้าเช็ดเท้าปลายเตียงให้เป็นลายการ์ตูนที่เขาชื่นชอบแทน ปล่อยให้เขาเลือกชุดเครื่องนอน ผ้าม่าน หรือโปสเตอร์ที่เขาชอบด้วยตัวของเขาเอง แล้วคุณก็เลือกอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ตามสีของลายการ์ตูนนั้นได้เลย วิธีนี้จะทำให้คุณตกแต่งห้องนอนลูกได้ง่ายยิ่งขึ้น และยังสามารถตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย 

ทั้งนี้สามารถดูไอเดียเพิ่มเติมในการแต่งห้องนอนที่น่าสนใจและช่วยประหยัดงบได้ในบทความเหล่านี้
ไอเดียแต่งห้องให้ลูกน้อย สวยและปลอดภัย 
3 ไอเดียตกแต่งห้องนอนสวยๆ 
แต่งห้องนอนแบบพอเพียง DIY ชั้นและเตียง แบบประหยัด 
5 ไอเดียแต่งห้องนอนเล็กๆ แบบประหยัด ด้วยงบหลักหมื่น 

12621259 - kids bedroom with green walls and purple bed and may toys.

CR : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2018/2/168867/3-เทคนิค-ตกแต่งห้องนอนลู